ชาร์โคล

ใด ๆ ในโลกล้วน ‘ชาร์โคล’ | กินชาร์โคล ดีต่อสุขภาพจริงหรือ?

Home / สุขภาพทั่วไป / ใด ๆ ในโลกล้วน ‘ชาร์โคล’ | กินชาร์โคล ดีต่อสุขภาพจริงหรือ?

ถือเป็นเมนูเรียกลูกค้าของหลายแบรนด์หลายร้าน ทั้งคาเฟ่ ร้านอาหาร รวมถึงร้านทั่วไปตามท้องตลาด ที่เอาชาร์โคลมาเป็นส่วนผสมของอาหารต่าง ๆ รวมถึงเครื่องดื่ม เพื่อให้มีสีสันแปลกตา คนซื้อก็ได้รูปสวย ๆ ไปลงไอจี และยังเคลมว่ามีประโยชน์มากมาย ช่วยดูดซับสารพิษในร่างกายได้ ลองมาดูกันว่า จริง ๆ แล้ว ชาร์โคลที่อยู่ในอาหารที่เรากิน ๆ กันนั้น มันมีประโยชน์ต่อร่างกายของเราจริงหรือไม่

ชาร์โคล ดีต่อสุขภาพจริงหรือ?

ในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมา การนำชาร์โคลมาผสมในอาหารเป็นที่นิยมกันอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเครป พิซซ่า เส้นสปาเก็ตตี ขนมปัง วาฟเฟิล เค้ก รวมถึงเครื่องดื่ม ไอศกรีม และอีกมากมาย

ไม่ใช่ชาร์โคล แต่เป็น ‘activated charcoal’

activated charcoal หรือถ่านกัมมันต์ เป็น ชาร์โคล หรือถ่าน ที่ผ่านการกระตุ้นด้วยความร้อน ปกติจะใช้ในการรักษาผู้ป่วยที่ได้รับยาเกินขนาด หรือได้รับสารพิษเข้าสู่ร่างกาย โดยจะช่วยลดการดูดซึมสารพิษหรือสารเคมีไม่ให้เข้าสู่ร่างกาย ส่วนมากได้มาจากเปลือกมะพร้าวเผา ที่ผ่านความร้อนสูง จนกลายเป็นผงสีดำ

ชาร์โคล ประโยชน์เพียบ?

หลายเว็บ หลายข่าว หลายสำนักมีการแนะนำให้ใช้ activated charcoal หรือถ่านกัมมันต์ เพื่อการดีท็อกซ์ หรือดูดซับสารพิษในร่างกาย บ้างก็บอกว่าจะช่วยรักษาอาการแฮงก์ได้ แต่ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า เรื่องนี้ก็ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่ามันช่วยได้จริง ๆ และที่สำคัญร่างกายของเราก็มีกลไกที่สามารถกำจัดสารพิษได้ด้วยตัวเองอยู่แล้วด้วย

นอกจากนี้ยังมีการนำมาผสมในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่นที่มาสก์หน้า ที่จะช่วยดูดซับสิ่งสกปรกตกค้างในรูขุมขน หน้าสะอาด ผิวใสไร้สิว หรือจะเป็นยาสีฟันชาร์โคล ที่ใช้แล้วฟันขาว เหมือนไม่เคยเหลืองมาก่อน นอกจากนี้ยังมีการเคลมว่า ชาร์ดคลสามารถช่วยลดคอเลสเตอรอลได้อีก

แต่กลับไม่มีใครพูดถึงผลเสียของมัน

ถ้าร่างกายได้รับ activated charcoal มากเกินไป ก็จะส่งผลเสียต่อร่างกายได้เช่นกัน ถ้าคุณกินอาหารหรือเครื่องดื่มที่ผสมชาร์โคล ควบคู่กับการกินยารักษาทางการแพทย์ ชาร์โคลก็จะเข้าไปดูดซึมยา ทำให้ร่างกายคุณไม่สามารถดูดซึมยาที่กินเข้าไป (ยาคุมก็ด้วยนะ ระวังจะท้องแบบงง ๆ)

นอกจากนั้น ความสามารถในการดูดซึมของมันยังจะไปดูดซับสารอาหารจากอาหารที่เรากินเข้าไป ทำให้ร่างกายขาดสารอาหาร ขาดน้ำ และทำให้ท้องผูกได้อีกด้วย

โดยล่าสุด ที่นิวยอร์ก สหรัฐฯ เริ่มมีการสั่งห้ามใช้ชาร์โคลเป็นส่วนผสมในอาหาร โดยเป็นไปตามแนวทางของอย. และกระทรวงสาธารณสุข สหรัฐฯ ที่ระบุว่า การกินชาร์โคลมาก ๆ อาจะก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพได้

ขอบคุณข้อมูลจาก: theculturetrip, home

บทความที่เกี่ยวข้อง

Written by: Typrn