รพ.รัฐ รับฝังยาคุมกำเนิดฟรี วิธีป้องกันท้องก่อนวัยอันควร สำหรับวัยรุ่นที่อายุ 10-20 ปี

“ยาฝังคุมกำเนิด” เป็นอีกหนึ่งวิธีของการคุมกำเนิดที่มีความปลอดภัยค่อนข้างสูงเลยทีเดียว ด้วยความที่โลกสมัยนี้หมุนไว เด็กๆ ก็เหมือนจะโตเกินวัยตามไปด้วย เราก็มักจะได้เห็นคุณแม่วัยใสเยอะขึ้นเรื่อยๆ และสุดท้ายก็กลายมาเป็นปัญหาของสังคม เพราะถ้าหากเราท้องในขณะที่ยังไม่พร้อม หรือท้องในวัยเรียน ปัญหาที่ตามมาอย่างแรกก็คือ เราไม่มีกำลังในการเลี้ยงลูกที่กำลังจะเกิดมาอย่างแน่นอน สุดท้ายภาระเหล่านี้ก็ต้องตกไปอยู่ที่พ่อ-แม่ของเรา และนอกจากนั้นก็ยังมีปัญหาอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย

ยาฝังคุมกำเนิด วิธีป้องกันท้องก่อนวัยอันควร

ซึ่งเราเชื่อได้เลยว่า ยังมีวัยรุ่นอีกหลายคน ที่ไม่รู้ถึงวิธีการป้องกันหรือวิธีการคุมกำเนิดอย่างถูกต้อง เพราะบางคนอาจจะคิดว่าการซื้อยาคุมฉุกเฉินมากินเองเป็นวิธีที่ถูกต้องแล้ว แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นวิธีที่ผิดมากเลย ดังนั้น วันนี้ แคมปัส-สตาร์ ก็มีอีกหนึ่งวิธีในการคุมกำเนิดที่ดีกว่าการกินยาคุมกำเนิดมาฝากน้องๆ กันด้วย นั่นก็คือ “ยาฝังคุมกำเนิด” ที่สามารถช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 3-5 ปี แถมวัยรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี ยังสามารถเข้ารับบริการฝังยาคุมได้ฟรีได้ที่โรงพยาบาลของรัฐได้อีกด้วย อย่างอื่นเลยเรามาทำความรู้จักกับยาฝังคุมกำเนิดกันก่อนเลย 

ยาฝังคุมกำเนิดคืออะไร?

ยาฝังคุมกำเนิด หรือยาคุมกำเนิดแบบฝัง (Contraceptive implant หรือ Implantable contraception) เป็นวิธีการคุมกำเนิดแบบชั่วคราวชนิดหนึ่ง โดยการฝังฮอร์โมนเพศหญิงที่ทำเป็นแท่งเล็กๆ เข้าไปที่ใต้ผิวหนังใต้ท้องแขนด้านที่ไม่ถนัด ซึ่งฮอร์โมนนี้จะค่อยๆ ซึมผ่านออกมาจากแท่งยาเข้าสู่ร่างกาย และไปทำการยับยั้งการเจริญเติบโตของฟองไข่ของผู้หญิง ทำให้ไม่มีการตกไข่ สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้

ยาฝังคุมกำเนิดป้องกันการตั้งครรภ์ได้อย่างไร?

ยาฝังคุมกำเนิดจะประกอบด้วย ฮอร์โมนเพศหญิงโปรเจสติน (Progestin,ฮอร์โมนเพศหญิงสังเคราะห์) เพียงชนิดเดียว จึงไม่มีผลข้างเคียงของฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) เหมือนในยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดรวม

กลไกการป้องกันการคุมกำเนิด คือ ฮอร์โมนที่ปล่อยออกมาจากแท่งยาฝัง จะไปมีผลทำให้ฟองไข่ไม่พัฒนา จึงไม่สามารถโตต่อไปจนตกไข่ได้ ทำให้ไม่มีไข่ที่จะรอผสมกับเชื้ออสุจิ จึงไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ นอกจากนี้ฮอร์โมนนี้ยังทำให้มูกที่ปากมดลูกเหนียวข้น ทำให้เชื้ออสุจิว่ายผ่านเข้าไปได้ยาก จึงช่วยลดโอกาสเกิดการผสมกับไข่ ยาฝังคุมกำเนิดมีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดดีมาก โอกาสการตั้งครรภ์น้อยกว่า 1 ใน 100 ของผู้หญิงที่ใช้ยาฝังคุมกำเนิด

ข้อดีของยาฝังคุมกำเนิดมีอะไรบ้าง?

  1. สะดวกสบาย เมื่อไปรับการคุมกำเนิดวิธีนี้ สามารถคุมกำเนิดได้นาน 3-5 ปี (แล้วแต่ชนิดของยา)
  2. ไม่ต้องรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดทุกวัน ลดโอกาสลืมกินยา หรือต้องไปฉีดยาคุม กำเนิดทุก 3 เดือน ลดโอกาสฉีดยาคลาดเคลื่อนไม่ตรงกำหนด
  3. ไม่มีผลข้างเคียงของฮอร์โมนเอสโตรเจน เช่น คลื่นไส้ อาเจียน เป็นฝ้า
  4. เป็นวิธีการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูง

ข้อเสียของยาฝังคุมกำเนิด มีอะไรบ้าง?

  1. ประจำเดือนกะปริบกะปรอย พบมากที่สุด หรือไม่มีประจำเดือน หรือเกิดภาวะขาดประจำเดือน
  2. อาจมีน้ำหนักตัวขึ้น
  3. ปวดแขนบริเวณที่ฝังแท่งยาคุมกำเนิด
  4. แผลที่ฝังยาเกิดการอักเสบ หรือมีรอยแผลเป็น
  5. อารมณ์แปรปรวน
  6. ปวด/เจ็บเต้านม
  7. มีโอกาสตั้งครรภ์นอกมดลูก (ท้องนอกมดลูก) หากเกิดการตั้งครรภ์ขึ้น
  8. อาจเกิดภาวะลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ

ข้อควรรู้ ผู้หญิงที่ไม่สามารถใช้ยาฝังคุมกำเนิดได้?

  1. คนที่เป็นโรคตับ เพราะผลข้างเคียงของยาฝังคุมกำเนิด อาจส่งผลให้เกิดตับอักเสบเพิ่มขึ้นได้
  2. มีประวัติเป็นมะเร็งเต้านม เพราะยาฝังคุมกำเนิดอาจกระตุ้นให้เซลล์มะเร็งลุกลามแพร่กระจาย
  3. มีเลือดออกตามอวัยวะต่างๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ เพราะยาฝังคุมกำเนิดอาจกระตุ้นให้เลือดออกมากขึ้น
  4. มีภาวะเลือดออกง่ายหยุดยาก เพราะยาฝังคุมกำเนิดอาจรบกวนการทำงานของเกล็ดเลือด ซึ่งมีหน้าที่ช่วยให้เลือดแข็งตัวในภาวะเลือดออก

ใครที่สามารถฝังยาคุมกำเนิดได้บ้าง?

โครงการฝังยาคุมกำเนิด สำหรับวัยรุ่นหญิงที่มีอายุตั้งแต่ 10-20 ปี สามารถเข้ารับการฝังยาคุมกำเนิดฟรีได้ที่โรงพยาบาลรัฐทั่วประเทศ ตาม พ.ร.บ. การป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นปี 2559 ได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หรือสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) โทร. 1330

————————-

ข้อมูลจาก : haamor.comwww.egov.go.th

บทความแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง