อดใจไว้บ้าง ! 10 อาหารสุดอันตราย ที่ควรจะงดทานให้ได้

ข้อมูลดีๆ ที่นำมาฝาก เพื่อให้ทุกคนตระหนักนะไม่ใช่ตระหนก แค่ลดปริมาณก็พอไม่ถึงกับต้องเลิกกินหรอกนะ กินให้พอดี กินให้พออิ่ม มีความสุขตามอัตภาพค่ะ ^^

10 อาหารสุดอันตราย

1. แฮมเบอร์เกอร์

จัดเป็นอาหารประเภทที่  “มีความเสี่ยงสูง” เพราะเวลาที่สูญเสียไปในระหว่างรอกระบวนการนำ “เนื้อ” มาใช้ปรุง  ทำให้มี “แบททีเรีย” เกิดขึ้นได้สูง  ทำให้จำเป็นต้องมีการใช้  “สารเคมีสีแดง”  มาช่วยกำจัดเนื้อที่กำลังจะเน่าเสียทำให้เนื้อแดงเปลี่ยนเป็นเขียว

นอกจากนี้แฮมเบอร์เกอร์ทั้งหมดจะใส่ “สารปรุงรส” (MSG=Monosodium  Glutamate ) ทำให้ปวดศีรษะและเกิดอาการแพ้  โดย “MSG” เป็นสารเคมีที่ห้องปฏิบัติการทดลองใช้ช่วยทำให้สัตว์อ้วนขึ้นด้วย

2. ฮอทด็อก

เป็นอีก “เมนูอันตราย” เพราะมีกระบวนการผลิตคล้ายแฮมเบอร์เกอร์  และ  “ฮอทด็อก” ทั้งหมดยังใส่ “สารไนไตรท์” เพื่อช่วยให้เนื้อยึดตัวและช่วยเติมไส้กรอกให้เต็มโดย “สารไนไตรท์”  เป็นสารที่ทำให้เกิด “โรคมะเร็ง” ในกระเพราะอาหาร  มะเร็งในเม็ดเลือดเนื้องอกในสมอง  และมะเร็งในกระเพราะปัสสาวะนอกจากนี้ “ถุงหลอด” ที่ใช้บรรจุฮอทด็อกก็ทำจาก “คอลลาเจนสังเคราะห์” ที่เป็นสารก่อให้เกิด “โรคมะเร็ง” ได้สูง  มีไขมันที่เป็นสารประกอบไม่เปิดเผยอยู่ประมาณ 40% เมื่อนำไปปิ้งย่างมันจะทำให้มี “สารพิษร้ายแรง”  ที่เรียกว่า “อะคริลิไมค์” (Acrylimides) ออกมาซึ่งรู้จักดีว่าเป็นสารก่อมะเร็ง

3. เฟร้นช์ฟราย

มันฝรั่งทอด เป็นอาหารที่มี “ความเป็นพิษสูง” โดยการทอด “เฟร้นช์ฟราย” ใช้อุณหภูมิสูงทำให้มี “สารอะคริลิไมด์” ออกมา  นอกจากนี้ “น้ำมัน” ที่ใช้ทอดมันฝรั่งแต่ละครั้งจะเกิดการ “ออกซิไดซ์” ในมันฝรั่งยังมี “ดรรชนีกลีซิมิค” (Glycemic) อยู่สูงมาก..นั่นหมายถึงมันเปลี่ยนให้กลายเป็นน้ำตาลภายในร่างกายได้เร็วมาก

4. คุกกี้

ที่เด่นชัดมากคือสัดส่วนของน้ำตาลมีอยู่สูงถึง 23 กรัมเลยทีเดียว  ซึ่งอาหารในประเภทที่มีน้ำตาลปริมาณสูงเช่นนี้  จะทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่นเกิดริ้วรอยได้เร็วยิ่งขึ้น

5. พิซซ่า

“พิซซ่า” ประกอบด้วยอาหารที่มาจากการ “ตัดแต่งพันธุกรรม”  5 ชนิดคือ…

ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ  และกระทรวงสาธาธารณสุขต่างไม่ไห้ความร่วมมือซึ่งกันและกันที่จะรับรองว่ามัน ปลอดภัยต่อการบริโภคได้หรือไม่  มันไม่ได้ช่วยทำให้สุขภาพดีขึ้น  แต่มันเป็น “น้ำมันไฮโดรจีเนต” และมีอันตรายต่อสุขภาพอย่างยิ่ง

นอกจากนี้ “ผิวหน้าแป้งพิซซ่า”  ที่อบปิ้งในอุณหภูมิ  อาจมี “สารอะคริลิไมค์” เกิดขึ้นด้วยขณะที่การเพิ่มหน้าพิซซ่า “เพ็พเปอโรนิ” หรือ เพิ่มหน้าไส้กรอกทำให้มีความเสี่ยงสูงจาก “ไนไตรท์” สารกันบูดและสารเคมีอื่นๆ  รวมทั้งไขมันอิ่มตัวที่มีการเติมเข้าไปจากโรงงานอีกด้วย

6. น้ำอัดลม

สารตัวสำคัญที่มีอยู่ใน “น้ำอัดลม”  คือ “กรดกำมะถัน” (Phosphoric acid) ซึ่งมีความเป็นกรดสูงมากพอที่จะละลายตะปูได้ภายใน 4 วัน  กรดที่สะสมอยู่ในร่างกายทำให้ยากที่จะทำให้น้ำหนักลดลงได้  และ “น้ำโซดา” ที่เป็นส่วนประกอบอีกตัวหนึ่งของน้ำอัดลมจะเปิดตัวซะล้างแคลเซียมออก จากกระดูก  จนทำให้เกิด “โรคกระดูกพรุน” นอกจากนี้ในน้ำอัดลม 1 กระป่องจะมี “น้ำตาลที่ไม่ให้พลังงาน” อยู่ 12 ช้อนชา  ในน้ำอัดลมที่ช่วยลดน้ำหนักตัว หรือ Dict soda ที่ใช้ “น้ำตาลเทียมสังเคราะห์” (Artificial sweetener) เพิ่มความหวานจะทำให้ร่างกายกระหายน้ำตาลมากยิ่งขึ้นเพราะน้ำตาลสังเคราะห์ เหล่านี้มีความหวานมากกว่าน้ำตาลธรรมดามาก  ขนาดที่ “สี” ที่ใช้เติมในน้ำอัดลมยังเป็น “สารก่อมะเร็ง” อีกด้วย

7. ชิ้นไก่ทอด

เนื้อนุ่มไร้กระดูก  เป็นเมนูที่ทำมาจากชิ้นส่วนของไก่ที่ใช้แล้ว  การรับประทานต่อครั้งโดยทั่วไปจะให้พลังงาน  340 แคลลอรี 50% เป็นไขมัน  มีแป้งขนมปังผสมอยู่มาก  ซึ่งมีคาร์โบไฮเดรตอยู่สูงมีการเติมสารปรุงรส “MSG” ทำให้ปวดศีรษะและเกิดอาการแพ้นอกจากนี้ “นัคเก็ตชิคเก้น” บางอันจะมี  “สารอลูมิเนียม”  ซึ่งเป็นอันตรายต่อสมองและเป็นอันตรายต่อการเผาพลาญของร่างกายด้วย

8. ไอศกรีม

มีไขมันสูงมากเกินกว่า 50% ของไขมันที่แนะนำบริโภคต่อวัน  มีคาร์โบไฮเดรตที่แนะนำให้บริโภคต่อครั้งต่อวัน  มีน้ำตาลอยู่มากทำให้มีความกระหายน้ำตาลมากยิ่งขึ้น  เป็นสาเหตุทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น  เต็มไปด้วยไขมันไฮโดรจีเนตและไขมันที่แปรเปลี่ยน  (Transfat) ไปจากธรรมชาติ  และยังช่วยเพิ่มพูนโคเลสเตอรอล  ทำให้สันเลือดแดงอุดตัน  ทำให้มีสารอนุมูลอิสระในร่างกายเพิ่มมากขึ้น  ซึ่งทำให้เป็นสาเหตุของมะเร็ง

9. โดนัท

โดยเฉลี่ยแล้วจะให้พลังงาน 300 แคลอรี่  โดยในโดนัท 1 ชิ้นมีแป้งคาร์โบไฮเดรตอยู่มากกว่า 50 % ของที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน  มีเกลือโซเดียมสูงมาก  ทำให้ร่างกายขาดน้ำได้  นอกจากนี้โดนัทยังทอดในน้ำมันที่มีอุณหภูมิที่สูง  ซึ่งน้ำมันประเภทนี้จะทำให้มีกลิ่นหืนและมีสารอนุมูลอิสระเกิดขึ้น  ทำให้เกิดสารพิษ  และทำให้ร่างกายเผาพลาญช้าลง  เป็นการคุกคามต่อสุขภาพได้  และยังเป็นสาเหตุทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น

10. อาหารขบเคี้ยวยามว่าง

ในปัจจุบันมีการบริโภค “โปเตโต้ซิพ”กันมาก  โดยน้ำมันที่ใช้ในการทอดโปเตโต้ซิพในแต่ละครั้งจะเกิดการออกซิไดร์ (Acrylimides) ซึ่งเป็นสารก่อโรคมะเร็งและทำลายระบบประสาทออกมา  นากจากนี้การรับประทานโปเตโต้ชิพ 1 ถุงอาจได้รับสารอะคริลิไมด์สูงมากกว่า 500 เท่า  เมื่อเปรียบเทียบกับอัตราสูงสุดที่อนุญาตให้มีในน้ำดื่มทั่วไปๆได้  การรับประทานโปเตโต้ชิพ 1 ชิ้น  อาจได้รับสารอะคริไมค์เท่ากับอัตตราที่มีอยู่ในน้ำดื่ม 1 แก้ว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง