ทพ.ดร.วิริทธิ์พล ศรีมณีพงศ์ เตือนผู้เข้าใจผิดว่า อาการ เสียวฟัน เป็นอาการที่เกิดขึ้นกับผู้ที่มีอาการฟันผุหรือผู้สูงอายุ 50-60 ปี ซึ่งสูญเสียเนื้อฟันจากการขัดสีระหว่างฟัน หรือแปรงฟัน
อาการ เสียวฟัน ป้องกันไว้ก่อนสาย
ความจริงแล้วการศึกษาล่าสุดในประเทศอังกฤษ พบว่า วัยทำงานอายุ 30-50 ปี จัดเป็นกลุ่มเสี่ยงที่มีอาการเสียวฟันมากที่สุด เนื่องจากมีการดื่มน้ำอัดลม น้ำผลไม้ที่มีความเป็นกรด เครื่องดื่มชูกำลังประเภทสปอร์ตดริ๊งต่างๆ ตลอดจนการรับประทานของดอง หรืออาหารที่มีรสเปรี้ยวบ่อยๆ ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานๆ ตั้งแต่วัยเด็ก, มีผลทำให้สารเคลือบฟันกร่อน ฟันบางลง หรือขอบฟันแตกได้ง่าย
จากการศึกษาพบว่า น้ำอัดลมจัดเป็นเครื่องดื่มที่เด็กไทยโปรดปรานมากที่สุด นอกจากนี้ปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้เกิดอาการเสียวฟันแบบไม่ถาวร ได้แก่ การขูดหินปูน การฟอกสีฟันขาว ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเอง แต่ขณะเดียวกันมีผลข้างเคียงทำให้เกิดอาการเสียวฟัน
อาการ เสียวฟัน จะเกิดจากการตอบสนองของเส้นประสาทในฟันต่อสิ่งกระตุ้นภายนอก อาทิ อาหาร-เครื่องดื่มร้อนหรือเย็น รวมไปถึงลม หรือแม้กระทั่งการแปรงฟันไวกว่าปกติ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ทำอันตราย ต่อเนื้อเยื่อและฟันในช่องปาก โดยปกติฟันของเราจะถูกปกป้องด้วยเคลือบฟัน (enamel) และเหงือก เมื่อเคลือบฟันของเราสึก แตกออก หรือเหงือกร่นมากขึ้น เนื้อฟัน (dentine) จะถูกเปิดออกให้สัมผัสกับสิ่งกระตุ้นภายนอกเหล่านี้ทำให้เกิดอาการเสียวฟันได้ง่าย
อาการ เสียวฟัน จะเป็นสัญญาณเตือนภัยด่านแรก ที่ทำให้เรารู้ว่าฟันของเราเริ่มมีอาการผิดปกติ
วิธีป้องกัน ฟันสึก ก่อนวัยอันควร ที่เราไม่ควรมองข้าม คือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเลือกบริโภคแต่สิ่งที่มีประโยชน์ต่อร่างกายตั้งแต่ในวัยเด็ก เช่น ลดการบริโภคน้ำอัดลม สปอร์ตดริ๊งต่างๆ หรืออาหารรสเปรี้ยว รู้จักแปรงฟันให้ถูกวิธี ตลอดจนการเลือกผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับช่องปาก ช่องฟันที่เหมาะสม ทั้งนี้ เมื่อมีอาการเสียวฟันควรปรึกษาทันตแพทย์
ฟันสึก คอลัมน์ ส่องโรคไขสุขภาพ