เคล็ดลับผิวสวย ทำเองก็ได้! น้ำแข็งจากน้ำต้นข้าวสาลี ช่วยแก้ไขปัญหาผิวพรรณ

เรามักจะเลือกสั่งน้ำต้นอ่อนข้าวสาลีเวลาที่แวะร้านขายน้ำผลไม้แถวบ้าน แม้จะกลืนยากสักหน่อยแต่คุณประโยชน์ต่อสุขภาพของมันเพียบเลย จากการวิเคราะห์ปริมาณสารอาหารในต้นอ่อนข้าวสาลีพบว่า มีคลอโรฟิลล์ถึงร้อยละ 70 นอกจากนั้นยังพบวิตามินเอ ซีและอี แร่ธาตุต่างๆ เช่น เหล็ก แคลเซียม แมกนีเซียม และกรดอะมิโนกว่า 17 ชนิดอีกด้วยนะ

น้ำแข็งจากน้ำต้นข้าวสาลี

นอกจากนี้ยังช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ มีสรรพคุณในการป้องกันโรคมะเร็ง, เบาหวานและไข้หวัดได้ ที่สำคัญยังช่วยทำให้ผิวพรรณสวยเปล่งปลั่งอีกด้วย เพราะในข้าวสาลีอุดมไปด้วยแหล่งวิตามินและธาตุเหล็ก จึงทำให้ผิวพรรณกระชับและเรียบเนียนนั่นเอง

และยังสามารถแก้อาการระคายเคืองจากการถูกแสงแดดเป็นเวลานาน เพียงแค่นำน้ำแข็งต้นอ่อนข้าวสาลีไปประคบที่บริเวณนั้นอาการระคายเคืองต่างๆ ก็จะทุเลาลงได้ อีกทั้งยังช่วยลดอาการอักเสบบวมแดงและบรรเทาอาการคันได้ จะช้าอยู่ใย! มาดูวิธีการทำน้ำแข็งจากน้ำต้นข้าวสาลีกันได้เลย

วิธีทำ น้ำแข็งจากน้ำต้นข้าวสาลี

ขั้นตอนที่ 1 เราต้องไปหาซื้อน้ำต้อนอ่อนข้าวสาลีกันก่อนเลยจ้า จะไปที่ร้านขายน้ำผลไม้หรือบาร์เครื่องดื่มสมูธตี้ และสั่งน้ำต้นอ่อนข้าวสาลี 2 ช็อตหรือประมาณ 120 ซีซี

ขั้นตอนที่ 2 เมื่อเราได้น้ำต้นอ่อนข้าวสาลีมาแล้ว ต่อมาเราก็เลือกถาดใส่น้ำแข็งสะอาดๆ ขนาดพอเหมาะจ้า

ขั้นตอนที่ 3 หลังจากนั้นค่อยๆ เทน้ำต้นอ่อนข้าวสาลีประมาณ 1/4 แก้วลงในช่องของถาดใส่น้ำแข็ง ซึ่งน้ำต้นอ่อนข้าวสาลีปริมาณ 120 ซีซี จะใส่ลงในถาดใส่น้ำแข็ง 8 ช่องได้พอดิบพอดีเลย ใส่ไปเรื่อยๆ จนครบทุกช่องเลยนะ

ขั้นตอนที่ 4 คราวนี้ค่อยๆ นำถาดทั้งหมดใส่เข้าไปในช่องแช่แข็ง และรอจนกว่าน้ำต้นอ่อนข้าวสาลีจะแข็งตัวจนเป็นก้อน

ขั้นตอนที่ 5 มองหาบริเวณที่มีจุดด่างดำหรือการอักเสบบนผิวหน้าที่คุณต้องการใช้ก้อนน้ำแข็งต้นอ่อนข้าวสาลีประคบ หาเจอกันหรือยังเอ่ย??

ขั้นตอนที่ 6 แล้วค่อยๆ นำก้อนน้ำแข็งต้นอ่อนข้าวสาลีออกจากช่องของถาดใส่น้ำแข็ง

ขั้นตอนที่ 7 จากนั้นห่อก้อนน้ำแข็งต้นอ่อนข้าวสาลีด้วยผ้าผืนเล็กๆ แล้วนำมาประคบลงบนผิวหน้าที่มีการอักเสบ แล้วปล่อยให้สารบำรุงจากธรรมชาติทำงานของมันไป เท่านี้ก็เรียบร้อย เตรียมตัวสวยได้เลยงานนี้ อิอิ

————————————–

เป็นยังไงกันบ้างจ้ะสาวๆ เห็นแล้วใช่มะว่าน้ำต้นข้าวสาลีมีประโยชน์กับเรามากแค่ไหน ยังไงสาวๆ ก็นำไปทำตามกันดูนะ เป็นยังไงมาบอกกันด้วยนะจ๊ะ

ขอบคุณขอมูลจาก : www.pharmacy.mahidol.ac.th , issue247.com , thebeautydepartment.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง