เรื่องน่ารู้ 5 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับสิว

เนื่องจาก สิว เป็นโรคที่พบได้บ่อย และบางครั้งอาจก่อความกังวลให้แก่ผู้ป่วย อีกทั้งผู้ป่วยอาจมีความเชื่อที่ผิดเกี่ยวกับโรคสิวได้ ซึ่งในเรื่องนี้ น.พ.ประวิตร พิศาลบุตร แพทย์อเมริกันบอร์ดสาขาโรคผิวหนัง เปิดเผยในบทความเรื่อง “โรคสิวในเวชปฏิบัติ- ความเชื่อที่ผิดเกี่ยวกับโรคสิว” ว่า “เนื่องจากโรคสิวเป็นโรคที่พบบ่อย และก่อความกังวลให้แก่ผู้ป่วย ผู้ป่วยมักมีความเชื่อที่ผิดเกี่ยวกับโรคสิว ทำให้การรักษาไม่ได้ผล ความเชื่อที่ผิดที่พบบ่อยเกี่ยวกับโรคสิว เช่น

5 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับสิว

1. กินช็อกโกแลตแล้วทำให้สิวขึ้น

ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใดๆ ยืนยันว่า อาหารพวกช็อกโกแลต มันฝรั่งทอด ถั่วทอด พิซซ่า อาหารมันๆ น้ำอัดลม ไอศกรีม เป็นตัวกระตุ้นให้สิวขึ้น เคยมีการทดลองทางวิทยาศาสตร์ โดยแบ่งกลุ่มทดลองออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกไม่ให้กินช็อกโกแลตเลย อีกกลุ่มให้กินช็อกโกแลต ผลปรากฏว่า ไม่พบว่าอัตราการเกิดสิวในทั้ง 2 กลุ่มแตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม หากผู้ป่วยยืนยันว่า อาหารบางชนิดกินแล้วสิวกำเริบก็ควรงดอาหารนั้นๆ เป็นรายๆ ไป

2. เพศสัมพันธ์ทำให้สิวดีขึ้น

หรือทำให้สิวกำเริบ บางคนเชื่อว่า เพศสัมพันธ์ทำให้สิวดีขึ้น ความเชื่อนี้สืบเนื่องมาตั้งแต่ครั้งยุโรปโบราณ ที่ว่าการแต่งงานทำให้สิวหายไปได้ แต่แท้ที่จริงผู้ที่แต่งงานแล้วอาจมีสิวหายไป เพราะวัยที่แต่งงานนั้นผ่านพ้นวัยรุ่น จึงเป็นวัยที่พบสิวน้อยลง ในทางตรงกันข้ามบางคนเชื่อว่า สิวจะกำเริบเมื่อมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งไม่เป็นจริง การมีเพศสัมพันธ์ไม่ได้มีส่วนกระตุ้นให้ฮอร์โมนเพศชายซึ่งเป็นต้นเหตุของสิวหลั่งออกมา จึงไม่เกี่ยวกับการเกิดสิว สรุปแล้วเพศสัมพันธ์ไม่ได้มีส่วนทำให้สิวเลวลงหรือดีขึ้นแต่อย่างใด

3. แสงแดดทำให้สิวดีขึ้น

แสงแดดอาจทำให้ดูเหมือนว่าสิวดีขึ้น เพราะแสงแดดทำให้ผิวไหม้แดงและคล้ำลง ช่วยบดบังรอยแดงรอยดำจากสิวอักเสบและรอยจากการอักเสบ แต่แท้ที่จริงแล้วนอกจากแสงแดดจะเป็นอันตรายต่อผิวหนังแล้ว แสงแดดยังทำให้ผิวระคายเคืองและสิวกำเริบ

4. ผิวมันทำให้สิวกำเริบ

สิวไม่ได้เกิดจากผิวมัน แต่เกิดจากเซลล์ผิวหนังที่บุท่อรูขุมขนที่หลุดออกตามธรรมชาติ ไม่ถูกขจัดสู่ผิวหนังด้านนอก ทำให้เกิดการตกค้าง เมื่อรวมกับไขมันที่ต่อมไขมันสร้างขึ้น จะก่อให้เกิดสิวอุดตัน ฉะนั้น ผิวมันเป็นอาการ แต่ไม่ได้เป็นสาเหตุของสิว

5. การรักษาสิวนั้น ยิ่งใช้ยาแรงยิ่งได้ผลดี

วัยรุ่นเป็นวัยที่ส่วนใหญ่เชื่อว่าการรักษาสิวนั้น ยิ่งใช้ยาแรงยิ่งได้ผลดี เช่น ถ้าใช้ยาทา 2.5% benzoyl peroxide แล้วได้ผล ถ้าเพิ่มความเข้มข้นเป็น 10% ก็น่าจะได้ผลมากขึ้นอีก แต่ที่จริงแล้วถ้ายาความเข้มข้นต่ำได้ผลดี ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ยาแรงขึ้น นอกจากจะเป็นการเสียเงินโดยไม่จำเป็นแล้ว ยังอาจเกิดผลแทรกซ้อน เช่น การระคายเคืองมากขึ้นตามมาได้

ความเชื่อที่ผิดเกี่ยวกับสิวยังมีอีกมาก แต่อันที่จริงแล้ว สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดสิวนั้นคือ ฝุ่นละอองและสิ่งสกปรก จึงควรล้างหน้าฟอกสบู่บ่อยๆ แม้ว่าจะมีผิวหนังสะอาดที่สุด โดยการล้างหน้าฟอกสบู่เสมอๆ ก็อาจเป็นสิวได้ ในทางตรงกันข้ามบางคนที่ใช้เพียงน้ำเปล่าล้างหน้าเท่านั้นกลับไม่เป็นสิวเลย สิวหัวดำที่เห็นเป็นจุดดำนั้นไม่ได้เกิดจากสิ่งสกปรกไปอุดตัน แต่เกิดจากไขมันอุดตันในท่อต่อมไขมันมีเม็ดสีเมลานินมาสะสม ความเชื่อที่ว่า สิ่งสกปรกทำให้เกิดสิว ทำให้ผู้เป็นสิวหลายรายล้างหน้าบ่อยครั้งเกินไป และใช้สบู่ที่แรงหรือสบู่ยา หากใช้บ่อยครั้งและเป็นระยะเวลานาน อาจทำให้ผิวหน้าอักเสบ ระคายเคือง และสิวกำเริบมากขึ้น

โลชั่นเช็ดหน้าป้องกันสิวบางตัวพยายามเน้นว่า สิ่งสกปรกทำให้เกิดสิว เพราะเมื่อใช้สำลีชุบโลชั่นเช็ดใบหน้าแล้ว จะได้คราบสีดำติดสำลีออกมา ที่จริงแล้วคราบดำนั้นเป็นผิวหนังชั้นขี้ไคลส่วนที่ตายและพร้อมที่จะหลุดลอกออกมาโดยธรรมชาติอยู่แล้ว ไม่ว่าจะมีใบหน้าสะอาดเพียงใด หากใช้โลชั่นที่มีแอลกอฮอล์ผสมเช็ดหน้า ย่อมได้คราบดำติดมาทุกคน แท้จริงแล้วสิวไม่ได้เกิดจากสิ่งสกปรกหรือไขมันที่อยู่บนผิว โดยทั่วไปแนะนำให้ล้างหน้าด้วยสบู่อ่อนวันละ 2 ครั้ง และซับหน้าให้แห้ง ไม่ควรเช็ดหน้าแรง เพราะอาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวได้

ที่มา bangkok-today.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง