อาการปวดท้องเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ เนื่องจากช่องท้องมีอวัยวะมากมาย พญ.กฤดากร เกษรคำ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ได้กล่าวถึงอาการปวดท้องว่า อาการปวดท้องส่วนใหญ่ไม่รุนแรง แต่มักมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการทานอาหารไม่เหมาะสม เช่น การทานอาหารรสจัดอาหารดิบ ย่อยยาก ดื่มแอลกอฮอล์หรือ เกิดจากความเครียด นอนหลับผักผ่อนไม่เพียงพอ สูบบุหรี่ ทำให้ระบบย่อยอาหารระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เพิ่มความเสื่ยงโรคต่างๆ ได้ค่ะ
การปวดท้องบ่อยๆ นำมาซึ่งโรคดังนี้…
1. โรคกระเพาะอาหารอักเสบ
2. โรคกรดไหลย้อน
3. โรคลำไส้อักเสบ
4. โรคตับอ่อนอักเสบ
5. โรคมะเร็ง ทั้งมะเร็งในช่องท้องและนอกช่องท้อง
6. นิ่วทางเดินปัสสาวะ
7. ระบบฮอร์โมนไม่สมดุล เกิดถุงน้ำรังไข่ ประจำเดือนมาไม่ปกติ
อาการปวดท้องส่วนใหญ่ทุเลาลงได้ด้วยการทานยาที่หาซื้อได้ง่าย เช่น ยาลดกรด ยาคลายกล้ามเนื้อแก้ปวดท้อง แต่อย่างไรก็ตามการซื้อทานยาเองสามารถทำได้เบื้องต้น แต่ถ้าอาการไม่ดีขึ้นปวดรุนแรงเรื้อรัง หรือมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ไข้ตัวร้อน อาเจียน ถ่ายเหลว อุจจาระเป็นเลือด ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรับการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมค่ะ
วิธีลดความเสี่ยงโรคต่างๆ รวมทั้งอาการปวดท้อง มีดังนี้…
1. ลดโอกาสติดเชื้อต่างๆ ของทางเดินอาหาร
โดยทานอาหารสุกๆ สะอาด หลีกเลี่ยงอาหาร รสจัด ย่อยยาก อาหารมันๆ เครื่องดื่มอัดแก๊สต่างๆ ที่เพิ่มแก๊สในกระเพาะอาหาร
2. หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ
เช่น ไม่สูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แต่ในปริมาณน้อยหรือไม่ดื่มเลย เพราะเป็นสาเหตุของโรคกระเพาะอาหารอักเสบ ตับอ่อนอักเสบ โรคมะเร็ง
3. ปรับสภาพลำไส้และภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรง
ด้วยการทานแบคทีเรียชนิดดีที่ช่วยเสริมและภูมิคุ้มกัน เช่น แลคโตแบซิลัส รักษาโรค Leaky Gut ลดอาการท้องอืด มีแก๊ส
4. ทานผักผลไม้เป็นประจำ
เนื่องจากมีมีไฟเบอร์ป้องกันอาการท้องผูก
5. นอนหลับผักผ่อนให้เพียงพอ
และการออกกำลังกายสม่ำเสมอช่วยให้ระบบย่อยอาหาร การขับถ่ายทำงานปกติ
6. การทานวิตามินเสริม
หรือรักษาด้วยฮอร์โมนช่วยลดอาการปวดบางอย่างได้ เช่น ปวดท้องน้อยเวลามีประจำเดือน เสริมความแข็งแรงของร่างกายและอวัยวะต่างๆ โดยรวม
7. ควบคุมน้ำหนัก
ให้อยู่ในเกณฑ์เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดโรคกรดไหลย้อน โรคมะเร็ง
8. ออกกำลังกายเป็นประจำ
กระตุ้นการทำงานระบบย่อยอาหาร เพิ่มการหมุนเวียนเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายรวมถึงระบบย่อยอาหาร อวัยวะต่างๆ ในช่องท้อง