ระวัง! ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ผลพวงจากการนอนกรน

การนอนหลับเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์ ถ้าพักผ่อนไม่เต็มที่อาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพต่างๆ ตามมามากมาย แต่หากเรานอนหลับอย่างเต็มที่แล้วยังรู้สึกเพลียหรือง่วงนอนอยู่ตลอดเวลา นั่นอาจเป็นสัญญาณบางอย่างจากร่างกายของเรา

ผลพวงจากการนอนกรน

ปัญหาส่วนใหญ่ของการนอนหลับคือ การนอนกรน ซึ่งเสียงกรนเกิดจากการที่กล้ามเนื้อบริเวณทางเดินหายใจส่วนต้นหย่อนตัวลง ทำให้ทางเดินหายใจตีบแคบ เมื่อเราหายใจเอาอากาศเข้าไปจะทำให้เนื้อเยื่อบริเวณดังกล่าวสั่นสะเทือน ทำให้เกิดเสียงขึ้นเป็นเสียงกรนนั่นเอง

ประเภทของการนอนกรน

การนอนกรนแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้

1. การนอนกรนแบบธรรมดา แบ่งความรุนแรงออกเป็น 3 ระดับ ดังนี้

2. การนอนกรนแบบมีภาวะการหยุดหายใจ คือ การนอนกรนแล้วมีภาวะการหยุดหายใจร่วมด้วย โดยเกิดจากการที่ทางเดินหายใจแคบมากในขณะหลับ เพราะกล้ามเนื้อบริเวณทางเดินหายใจส่วนต้นหย่อนตัวลงอย่างมาก ทำให้อากาศไม่สามารถผ่านไปได้ ซึ่งหากมีการหยุดหายใจหลายครั้งจะส่งผลให้ระดับออกซิเจนในเลือดลดลง

ชนิดของภาวะการหยุดหายใจขณะหลับ

1.ภาวะหยุดหายใจขณะหลับชนิดอุดกั้น (Obstructive sleep apnea) เกิดขึ้นเมื่อมีบางสิ่งอุดทางเดินหายใจ อาจเกิดขึ้นจากการที่มีโครงสร้างในส่วนจมูกและช่องคอเช่นต่อมทอนซิลหรืออดีนอยด์โต ในกรณีของผู้มีน้ำหนักเกินอาจเป็นเนื้อรอบๆ คอและส่วนหลังของช่องคอมากเกินไป

2.ภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการทำงานผิดปกติของสมอง (Central sleep apnea) เกิดจากความผิดพลาดในการส่งสัญญาณของสมองเพื่อสั่งการหายใจในขณะหลับ ภาวะนี้ยังแบ่งออกเป็นสองประเภทซึ่งวัดจากระดับคาร์บอนไดออกไซด์ในกระแสเลือด คือชนิดที่ 1 มีการหายใจลดลง (decreased respiratory drive) และชนิดที่ 2 มีการหายใจเพิ่มขึ้น (increased respiratory drive) โดยถ้ามีระดับคาร์บอนไดออกไซด์ในกระแสเลือดเพิ่มขึ้น แสดงว่าเกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับชนิดที่มีการหายใจลดลงนั่นเอง

3.ภาวะหยุดหายใจขณะหลับชนิดผสม เกิดจากการอุดกั้นของทางเดินหายใจและความผิดปกติของสมองร่วมกัน อาการและการรักษาก็จะเหมือนกับชนิดที่เกิดจากการอุดกั้นทางเดินหายใจและชนิดที่เกิดจากการทำงานผิดปกติของสมอง

สาเหตุของการหยุดหายใจขณะหลับ

การรักษา

การรักษาทั่วไป โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำรงชีวิตและการนอน เช่น พฤติกรรมการกินหรือดื่มแอลกอฮอลล์ การควบคุมน้ำหนัก การฝึกนอนตะแคงแทนการนอนหงาย เป็นต้น

การรักษาเฉพาะ ด้วยเครื่อง Continuous Positive Airway Pressure (CPAP) หรือเครื่องอัดอากาศแรงดันบวกอย่างต่อเนื่อง เป็นการรักษาโดยใช้เครื่องที่มีหน้ากากสวมทับบริเวณจมูกในขณะหลับ เครื่องอัดอากาศจะเชื่อมต่อกับหน้ากากด้วยท่ออากาศ ทำให้อากาศภายใต้แรงดันจะถูกดันเข้าไปในช่องคอโดยผ่านทางจมูก แรงดันอากาศจะค่อยๆ เปิดทางเดินหายใจบริเวณช่องคอเพื่อให้การนอนและการหายใจเป็นปกติ

ประมาณ 60-70% ของผู้ป่วยที่ใช้เครื่องอัดอากาศแรงดันบวกสามารถใช้อย่างต่อเนื่องได้ แต่บางส่วนพบว่าไม่สะดวกสบายในการใช้หน้ากาก เพราะอึดอัดไม่สบายตัวขณะนอนหลับ และไม่สะดวกหากต้องเปลี่ยนสถานที่นอนชั่วคราว

การรักษาเฉพาะ ด้วยอุปกรณ์ Oral appliance หรือ ทันตอุปกรณ์ที่เลื่อนคางมาด้านหน้า อุปกรณ์ที่สามารถช่วยรักษาในผู้ป่วยบางราย ซึ่งจะช่วยเปิดทางเดินหายใจโดยการเลื่อนคางและลิ้นมาข้างหน้า หรือยกเพดานอ่อนขึ้น ผู้ป่วยที่มีความรุนแรงของโรคเล็กน้อยและปานกลางอาจจะรักษาได้ แต่ไม่สามารถรักษาในผู้ป่วยที่มีความรุนแรงของโรคในระดับมากได้  และอุปกรณ์นี้ควรทำโดยทันตแพทย์ที่มีความชำนาญเท่านั้น

การใช้ยา ในปัจจุบันยังไม่มียาสำหรับป้องกันไม่ให้ช่องคอปิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น แต่สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อรักษาอาการนอนกรนเบื้องต้นโดยใช้ยาได้ เช่น ยาต้านฮีสตามีน (Antihistamine) ในการบรรเทาอาการบวมและระคายเคืองในจมูกของโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ หรือยาแก้คัดจมูก (Nasal Decongestant) แต่ไม่ควรใช้ต่อเนื่องนานเกิน 7 วัน เป็นต้น

การผ่าตัด จะต้องเกิดจากปัญหาทางสุขภาพ เช่น ต่อมทอนซิลหรือต่อมอะดินอยด์มีขนาดใหญ่ (พบบ่อยในเด็ก) ริดสีดวงจมูก หรือเยื่อบุในจมูกบวมโต ผนังกั้นจมูกคด โครงสร้างของใบหน้า คาง หรือเพดานอ่อน เป็นต้น

ในกรณีที่ผู้ป่วยอาการรุนแรงมากถึงขึ้นเป็นอันตรายต่อชีวิต อาจต้องรักษาโดยการเจาะคอเพื่อเปิดทางเดินหายใจ เป็นการผ่าตัดเปิดช่องคอด้านหน้าเข้าสู่หลอดลมโดยตรง และใส่ท่อช่วยหายใจเพื่อให้ผู้ป่วยหายใจผ่านทางรูเปิดนี้ในระหว่างกลางคืน

การป้องกัน

หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ เช่น ควบคุมน้ำหนัก ลดการกินยานอนหลับ/ยาคลายเครียดก่อนนอน ไม่สูบบุหรี่ เป็นต้น

การทำ Sleep Test คือการทดสอบการนอนหลับ (Sleep test / Polysomnography) ว่ามีภาวะหยุดหายใจขณะหลับหรือไม่ ซึ่งช่วยในการวินิจฉัยและบอกความรุนแรงของอาการกรน รวมถึงภาวะการ หยุดหายใจขณะหลับ นอกจากนี้ยังช่วยวินิจฉัยเพื่อแยกภาวะหยุดหายใจขณะหลับออกจากการนอนกรนธรรมดา อีกทั้งยังสามารถบอกคุณภาพของการนอนหลับว่าหลับได้ดีหรือไม่

ภาพห้องตรวจ Sleep Test จากโรงพยาบาลกรุงเทพ

การตรวจการนอนหลับโดยปกติจะใช้เวลาตรวจช่วงกลางคืนอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง ซึ่งเป็นเวลาปกติของการนอนหลับในคนทั่วไป สามารถทำได้ที่โรงพยาบาลทั้งรัฐบาลและเอกชน โดยมีค่าใช้จ่ายประมาณ 8,000 – 15,000 บาท หรือสามารถใช้บริการตรวจการนอนหลับที่บ้านแบบละเอียด (Home PSG) ค่าใช้จ่ายประมาณ 8,000 – 10,000 บาท

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก nksleepcare.co.thpobpad.comsamitivejhospitals.comhaamor.comhonestdocs.cosleepcenterchula.orgbangkokpattayahospital.comnksleepcare.co.thbangkokhospital.comnksleepcenter.com, pexels.com, pinterest.com

บทความแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง