ทุกเรื่องน่ารู้ เกี่ยวกับการจัดฟัน – ควรเริ่มจัดฟันเมื่อใด ทุกคนจัดฟันได้หรือไม่?

การจัดฟัน (Orthodontic Treatment) เป็นการเคลี่อนฟันไปยังตำแหน่งที่เหมาะสม โดยอาศัยเครื่องมือบางชนิดซึ่งมีทั้งแบบถอดได้ และแบบที่ยึดติดอยู่กับตัวฟัน แบบที่อยู่ในช่องปากและแบบที่อยู่นอกช่องปาก นอกจากนี้การจัดฟันยังรวมไปถึงการแก้ไข ลักษณะนิสัยที่ผิดปกติในการบดเคี้ยว การเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขการเจริญเติบโตที่ ผิดปกติของขากรรไกร เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดทั้งในด้านความสวยงาม และการทำหน้าที่

ทุกเรื่องน่ารู้ เกี่ยวกับการจัดฟัน

เหตุผลที่ผู้ป่วยมารับการจัดฟัน ที่พบบ่อยๆ คือ

1. ฟันเก เรียงตัวไม่ดีทำให้เคี้ยวอาหารได้ไม่ละเอียดหรือ เคี้ยวได้ไม่ดี
2. ฟันซ้อนเกทำให้แปรงฟันหรือทำความสะอาด ฟันได้ยาก จะทำให้เกิดฟันผุและเหงือกอักเสบได้ง่าย
3. ฟันไม่สวยงาม เช่น ฟันซ้อนเก ฟันห่าง ฟันยื่น มีเขี้ยว ฟันกระต่าย ฯลฯ
4. ขากรรไกรผิดรูปหรือฟันเกจากนิสัยที่ผิดปกติบางอย่าง เช่น การดูดนิ้ว การกลืนที่ผิดปกติ
5. ฟันล้มเอียงหรือห่างจากกันเนื่องจากการถอนฟันแล้ว ทิ้งไว้โดยไม่ได้ใส่ฟันปลอมนานเกินไป
6. ผู้ที่มีประวัติปากแหว่ง เพดานโหว่ หรืออุบัติเหตุ ทำให้ขากรรไกร และการเรียงตัวของฟัน

การจัดฟันสามารถกระทำได้ตั้งแต่ในเด็กที่ฟันน้ำแท้ยังขึ้นมาไม่หมด จนถึงในผู้ใหญ่ที่ฟันแท้ขึ้นมาครบแล้ว หรือมีฟันแท้บางซี่ถูกถอนไปแล้ว หรือแม้แต่ในคนที่ใส่ฟันปลอมอยู่ ขึ้นอยู่กับว่าสภาวะความผิดปกตินั้นสามารถ แก้ไขได้โดยการจัดฟันหรือไม่

ควรจะเริ่มจัดฟันเมื่อใด

อย่างไรก็ตามการพิจารณาว่าควรจะเริ่มจัดฟันเมื่อใดนั้น ขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาที่มีอยู่และ ความจำเป็นที่จะต้องเร่งรีบในการรักษาด้วย บางครั้งถ้าเด็กยังอายุน้อย และการรักษายังไม่ต้องรีบเร่งมากนัก ทันตแพทย์อาจจะแนะนำให้รออีกสักหน่อย แล้วค่อยมาจัดฟันก็ได้

1. การบดเคี้ยวอาหาร

การ จัดฟันจะทำให้บดเคี้ยวอาหารได้ดียิ่งขึ้น และย่อยอาหารได้ดียิ่งขึ้น กระเพาะอาหารไม่ต้องทำงานหนักจนเกินไป เนื่องจากการบดเคี้ยวเป็นขั้นแรกในการย่อยอาหาร

2. ทำให้ปัญหาต่างๆ ทางทันตกรรมลดลง

– ฟันซ้อนเกจะทำให้เราทำความสะอาดหรือ แปรงฟันได้ยากและไม่ทั่วถึง ส่งผลให้มีคราบอาหาร และคราบจุลินทรีย์รวมทั้งหินปูนมาเกาะจับที่ตัวฟันอยู่เยอะ ซึ่งถ้าปล่อยทิ้งไว้นานๆ ก็จะเป็นสาเหตุ ทำให้เกิดฟันผุและโรคเหงือกได้

– ฟันซ้อนเก

จะทำให้เมื่อเราใช้ฟันในการบดเคี้ยวอาหารประจำวัน จะเกิดการสึกของฟันในตำแหน่งที่ไม่ควรจะเกิด ทำให้การสบฟันผิดจากตำแหน่งปกติที่ควรจะเป็น จึงส่งผลให้ยิ่งนานไปยิ่งจะทำให้เกิดปัญหาต่อตัวฟัน เหงือกและข้อต่อขากรรไกร

3. ความสวยงาม

การจัดฟันจะทำให้ฟันเรียงตัวสวยงาม เป็นการเสริมสร้างบุคลิกภาพ และเพิ่มความมั่นใจให้แก่ตัวเองอีก

4. ฟันผุ เหงือกอักเสบ

เนื่องจากการที่เรามีเครื่องมือจัดฟันอยู่ในช่องปาก จะทำให้การทำความสะอาดเป็นไปได้ยาก ส่งผลให้เกิดฟันผุและเหงือกอักเสบได้ง่าย ผู้ที่จัดฟันจึงควรแปรงฟันอย่างสะอาดทั่วถึง หลังจากมื้ออาหารทุกมื้อ

5. อาการแพ้สาร

ที่เป็นส่วนประกอบในเครื่องมือจัดฟัน บางคนแพ้สารพวกนิเกิลที่เป็นส่วนประกอบในเครื่องมือจัดฟัน แต่พบได้น้อยมาก

6. อาการเจ็บ

พบได้เกือบทุกคนที่จัดฟัน อาการเจ็บนี้มักเกิดจากการเคลื่อนตัวของฟัน หรือเกิดจากเครื่องมือจัดฟันไปทิ่มกับเนื้อเยื่อภายในช่องปาก อาการเจ็บจะเป็นในบางช่วง ของการจัดฟันเท่านั้น

7. อาการปวดข้อต่อขากรรไกร

อาจเกิดขึ้นได้ระหว่างการจัดฟัน เนื่องจากฟันเคลื่อนตัวไปในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม ต่อการบดเคี้ยว

8. ฟันตายหรือรากฟันมีการละลายตัว

พบได้ไม่บ่อยนักในผู้ที่มีการจัดฟัน อย่างไรก็ตามเราพบว่าในระหว่างการจัดฟันนั้น ฟันที่ตายไปแล้วอาจจะย้อนกลับมามีชีวิตดังเดิมได้ และในคนปกติที่ไม่ได้จัดฟันรากฟันก็มีการละลายตัวได้เองอยู่แล้ว

– การจัดฟัน สามารถทำได้ทุกคนหรือไม่ ?

การจัดฟันไม่สามารถทำได้ในผู้ป่วยทุกราย หรือแม้จะทำได้ ก็เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะจุดเท่านั้น ไม่สามารถทำให้สมบูรณ์แบบได้  อย่างไรก็ตาม ก็ต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของทันตแพทย์ผู้รักษาด้วยว่า สามารถทำได้หรือไม่

โดยทั่วไปผู้ที่ไม่สามารถจัดฟันได้ ได้แก่

1. ผู้ที่เป็นโรคเหงือก หรือ คนที่มีการละลายตัวของกระดูกขากรรไกรที่รองรับรากฟันไปมาก ผู้ที่มีลักษณะนี้ทันตแพทย์มักจะไม่สามารถเคลื่อนฟันได้มากนัก เนื่องจากกระดูกที่รองรับฟันมีน้อย

1. ผู้ที่สูญเสียฟันแท้ไปหลายซี่มากเกินไป ทำ ให้ไม่มีหลักยึดในการเคลื่อนที่ของฟัน โดยเฉพาะการสูญเสียฟันกรามไปหลายๆ ซี่ ดังนั้นการรักษาอาจต้องมีการฝังรากเทียมลงไป เพื่อใช้เป็นหลักยึดในการเคลื่อนที่ของฟันด้วย

2. ผู้ที่มีสะพานฟันติดต่อกันหลายๆ ซี่ เนื่องจากฟันที่เป็นสะพานฟันไม่สามารถเคลื่อนที่ให้ห่างจากกันได้ การรักษาอาจจะต้องมีการตัดสะพานฟันออกไปบางส่วน

3. ผู้ที่มีความผิดปกติที่ขากรรไกรซึ่งไม่สามารถ แก้ไขได้โดยการจัดฟันเพียงอย่างเดียว จำเป็นที่จะต้องใช้การศัลยกรรมร่วมในการรักษาด้วย

นอกจากนี้ยังมีความผิดปกติบางอย่างที่ทำให้การ จัดฟันยังไม่สามารถกระทำได้ในทันที จำเป็นที่ต้องมีการรักษาอื่นก่อนที่จะมีการจัดฟัน เช่น การอุดฟัน การรักษารากฟัน การครอบฟัน การใส่รากเทียม ฯลฯ เพื่อทำให้สามารถจัดฟันได้

– อาการเจ็บในการจัดฟันมีสาเหตุ

เป็นเรื่องธรรมดาที่ระหว่างการจัดฟันนั้นจะต้องมาอาการเจ็บ โดยเฉพาะหลังจากที่มาพบทันตแพทย์ตามนัดในแต่ละครั้ง และทันตแพทย์ได้ทำการปรับแต่งเครื่องมือจัดฟันให้ โดยทั่วไปอาการเจ็บในการจัดฟันมีสาเหตุมาจากดังนี้

1. อาการเจ็บที่มีสาเหตุมาจากเครื่องมือจัดฟัน เช่น เครื่องมือจัดฟันไประคายเคืองต่อเหงือก หรือกระพุ้งแก้ม ลวดจัดฟันยื่นยาวออกมาทิ่มกระพุ้งแก้ม อาการเหล่านี้สามารถรักษาได้โดย กำจัดสาเหตุที่ทำให้เจ็บนั้นออกไป เช่น การใช้ขี้ผึ้งปิดบริเวณที่มีการระคายเคือง หรือการไปให้ทันตแพทย์ตัดปลายลวดหรือดัดลวดลงไป

2. อาการเจ็บที่มีสาเหตุมาจากตัวฟัน เช่น จากการเคลื่อนที่ของฟัน การสบกระแทกฟันที่ผิดปกติ ฯลฯ ซึ่งอาการเจ็บเหล่านี้เป็นสิ่งปกติในการจัดฟัน และจะสามารถหายไปได้เอง โดยมากอาการเจ็บชนิดนี้จะเจ็บมากขึ้นเมื่อฟันกระทบกัน หรือขณะใช้ฟันเคี้ยวอาหาร

– ระยะเวลาที่ใช้ในการจัดฟัน

ระยะเวลาที่ใช้ในการจัดฟันนั้นจะแตกต่างกันไปในผู้ป่วยแต่ละราย โดยเฉลี่ยการจัดฟันแบบติดแน่นนั้นจะใช้เวลาประมาณ 1.5-2.5 ปี แต่ก็ยังมีปัจจัยหลายๆ อย่างที่ทำให้ระยะเวลา ที่ใช้ในการจัดฟันแตกต่างกันไปดังนี้

1. ผู้ใหญ่หรือผู้ที่มีอายุมากกว่ามักจะใช้ระยะเวลา ในการจัดฟันมากกว่าผู้ที่มีอายุน้อยกว่า

2. การจัดฟันที่มีการถอนฟันร่วมด้วย มักจะใช้เวลาในการจัดฟันมากกว่า การจัดฟันที่ไม่มีการถอนฟันร่วมด้วย

3. การจัดฟันที่มีการผ่าตัดขากรรไกรร่วมด้วย มักจะใช้เวลามากกว่าการจัดฟันที่ไม่มีการผ่าตัดขากรรไกร

4. การผิดนัดบ่อยๆ ย่อมทำให้เวลาในการจัดฟันนานขึ้น

5. การไม่ปฏิบัติตามที่แพทย์สั่ง เช่น การใส่ยางหรือการใส่เครื่องมือจัดฟันชนิดถอด ได้ย่อมทำให้เวลาในการจัดฟันมากขึ้น

6. การรับประทานอาหารโดยไม่ระมัดระวังจะทำให้เหล็ก ยางหรือลวดจัดฟันหลุด หรือเสียหาย ย่อมทำให้ระยะเวลาในการจัดฟันมาก

โดยทั่วไปแล้ว ผู้ป่วยที่ใส่ฟันปลอมชนิดถอดได้และผู้ที่ใส่ครอบฟันนั้นยังสามารถจัดฟันได้อยู่ แต่ในผู้ป่วยที่ใส่สะพานฟัน โดยเฉพาะสะพานฟันที่เป็นช่วงยาวๆ หรือใส่หลายๆ ตำแหน่ง อาจจะเป็นอุปสรรคในการจัดฟันเนื่องจาก ไม่สามารถเคลื่อนตัวฟันได้ การแก้ไขบางครั้งอาจต้องเอาสะพานฟันออกไปก่อนแล้ว ค่อยใส่สะพานฟันใหม่หลังจากการจัดฟันจบสิ้นลง

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ใส่ฟันปลอมอยู่อาจจะไม่สามารถจัดฟันได้ เนื่องมาจากเหตุผลอื่นๆ เช่น ฟันหายไปมากไปจนไม่มีฟันที่สามารถ เป็นหลักยึดได้เพียงพอในการจัดฟัน กระดูกรองรับรากฟันไม่ดี ฟันที่รักษารากฟันและครอบฟันไว้มีสิ่งผิดปกติ ฯลฯ ผู้ที่ใส่ฟันปลอมจึงควรไปให้ทันตแพทย์ประเมินก่อน ว่าสามารถจัดฟันได้หรือไม่

ที่มาจาก : www.orthohome.com

บทความแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง