ในวันที่ 6 มีนาคมของทุกปี เป็นวัน “ต้อหินโลก” เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงอันตรายของดวงตาจากโรคต้อหิน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในปัญหาดวงตา ที่อาจส่งผลร้ายแรงถึงขั้นตาบอดได้ และสิ่งที่หลายคนอาจยังไม่รู้ก็คือ โรคต้อหินนั้นไม่มีอาการเตือนล่วงหน้า และไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด หนึ่งในปัจจัยเสี่ยงที่ไม่ควรละเลยคือ ความดันลูกตาสูง ผิดปกติ ที่อาจบ่งบอกว่าเป็นต้อหินได้เช่นกัน การใส่ใจรู้เท่าทันโรคต้อหินเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อจะได้รับมือได้ทันท่วงที
ความดันลูกตาสูง อาจเสี่ยงต้อหินก่อนสูงวัย
พญ.เกศรินท์ เกียรติเสวี กล่าวว่า .. ต้อหินคือโรคความเสื่อมขั้วประสาทตาที่ทำให้สูญเสียการมองเห็น แบ่งออกเป็น 1. ต้อหินปฐมภูมิ (Primary Glaucoma) ชนิดมุมเปิด (Primary Open-Angle Glaucoma) ชนิดมุมปิด (Primary Angle – Closure Glaucoma) 2.ต้อหินทุติยภูมิ (Secondary Glaucoma) และ 3. ต้อหินแต่กำเนิด (Congenital Glaucoma)
ซึ่งมีปัจจัยเสี่ยง ได้แก่
1. อายุ 40 ปีขึ้นไป ปัจจุบันโรคต้อหินไม่ได้เกิดกับผู้สูงวัยเท่านั้น แต่สามารถเกิดในวัย 40+ ได้ คนที่อายุมากมีความเสี่ยงมากกว่าคนอายุน้อย
2. ความดันตาสูงมากกว่า 21 มม.ปรอท
3. มีประวัติในครอบครัวเป็นต้อหิน โดยเฉพาะพี่น้อง
4. สายตาสั้นมากหรือสายตายาวมาก ผู้ที่สายตาสั้น 100 – 300 เพิ่มความเสี่ยงต้อหินมากกว่าคนปกติ 2 – 3 เท่า
5. ใช้ยาสเตียรอยด์หรือยารักษาข้อเสื่อมบางชนิดติดต่อกันเป็นเวลานาน
6. โรคประจำตัว ได้แก่ โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง
ผู้ป่วยต้อหินเฉียบพลันส่วนใหญ่มักเป็นข้างเดียว อาจจะมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างรวมกัน ซึ่งอาการที่บ่งบอกว่าความดันตาสูงและเสี่ยงเป็นต้อหิน ได้แก่ ปวดตา ตาแดง ตามัว น้ำตาไหล เห็นรุ้งรอบดวงไฟ เป็นต้น
ความดันตาสูง เสี่ยงต้อหินได้อย่างไร ?
เนื่องจากความดันตา มีความแตกต่างกันไประหว่างบุคคล เวลาที่วัด เครื่องมือที่วัดความดันตาสูง เป็นภาวะที่ความดันลูกตามีค่ามากกว่า 21 มม.ปรอท ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่นำไปสู่โรคต้อหิน หากปล่อยไว้จะส่งผลให้ประสาทตาถูกทำลาย การมองเห็นมัวลงเรื่อยๆ จนถึงขั้นตาบอดได้
แต่การที่ความดันตาสูง ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นโรคต้อหินทุกคน ฉะนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องเข้ารับการตรวจคัดกรองโดยจักษุแพทย์ที่มีความชำนาญ นอกจากนี้ การทำกิจกรรมบางประเภทมีส่วนที่ทำให้ความดันตาสูงขึ้น ได้แก่ ดำน้ำ ยกน้ำหนัก เป่าเครื่องดนตรี เป็นต้น ควรระมัดระวังและสังเกตตนเอง หากมีความผิดปกติเกิดขึ้น
วิธีการลดความดันตา เพื่อรักษาต้อหิน
วิธีการลดความดันตา เพื่อรักษาต้อหิน ต้องอยู่ภายใต้คำแนะนำของจักษุแพทย์ที่มีความชำนาญเท่านั้น เพื่อจะได้รับการรักษาที่เหมาะสม โดยจะพิจารณาจากชนิด อาการ และความรุนแรงของผู้ป่วย ได้แก่
1.การใช้ยาหยอดตา
2.การใช้ยารับประทาน
3.การใช้ยาฉีดเข้าเส้นเลือด
4.การใช้เลเซอร์
และ 5.การผ่าตัด
ฉะนั้น ผู้ที่เป็นต้อหินควรพบจักษุแพทย์ตามนัดหมายอย่างสม่ำเสมอ แม้ต้อหินจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เนื่องจากประสาทตาถูกทำลาย แต่การรักษาอย่างถูกวิธีกับจักษุแพทย์ที่มีความชำนาญ จะช่วยป้องกันไม่ให้ประสาทตาถูกทำลายและเสื่อมมากขึ้นไปกว่าเดิม ขณะเดียวกันในคนที่มีอาการต้องสงสัยว่ามีความเสี่ยงเป็นต้อหิน หรือมีอาการผิดปกติเกี่ยวกับดวงตา ควรรีบพบจักษุแพทย์โดยเร็ว
พญ.เกศรินท์ เกียรติเสวี จักษุแพทย์ผู้ชำนาญโรคต้อหิน โรงพยาบาลกรุงเทพ