ข้อควรรู้หลังผ่าตัด - การผ่าตัดไขมันหน้าท้อง

ข้อควรรู้หลังผ่าตัด – การผ่าตัดไขมันหน้าท้อง

Home / สุขภาพทั่วไป / ข้อควรรู้หลังผ่าตัด – การผ่าตัดไขมันหน้าท้อง

สมรรถภาพของร่างกายคนเราก็เปลี่ยนไปตามกาลเวลา จากแต่ก่อนที่ไม่เคยมีหน้าท้อง  เวลาผ่านไป เมื่อทานอะไรก็ไขมันเริ่มสะสมและสลายได้ยาก  แม้ว่าออกกำลังกาย ซึ่งช่วยให้น้ำหนักลด แต่ไขมันสะสมโดยเฉพาะบริเวณหน้าท้องก็ยังไม่หายไป จึงก่อก็ให้เกิดความกังวล ความมั่นใจทางรูปร่าง

ข้อควรรู้หลังผ่าตัด – การผ่าตัดไขมันหน้าท้อง

ในปัจจุบัน มีการศัลยกรรมตกแต่งลำตัว ที่ช่วยแก้ปัญหานี้ได้ คือ การผ่าตัดหน้าท้อง  ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาไขมันสะสมยากที่จะกำจัดออกบริเวณหน้าท้องเป็นจำนวนมาก

ใครกันนะ เป็นผู้ที่กังวลปัญหาเหล่านี้

  • ผู้ที่เคยตั้งครรภ์ คลอดบุตร ทำให้เกิด หน้าท้องย้วย เกิดลายหน้าท้อง
  • ผู้ที่มีปัญหาไขมันส่วนเกินมาก ลดอย่างไรก็ไม่ได้ผล
  • ผู้ที่ลดน้ำหนักมากภายในเวลารวดเร็ว จนผิวหนังช่วงท้องหย่อนคล้อย
  • ผู้ที่อยากมีหน้าท้องแบนราบ มีทรวดทรงองเอว

การผ่าตัดนี้ จะช่วยทำให้

  • กำจัดผิวหนังส่วนเกินออก
  • กำจัดไขมันสะสมออก
  • แก้ไขปัญหารอยแตกลายบริเวณหน้าท้อง
  • ช่วยเสริมความมั่นใจให้กลับคืนมา

การผ่าตัด

ในขณะผ่าตัด แพทย์จะคำนวณถึงปริมาณไขมันหรือหน้าท้องที่กำจัดออกได้ และเลาะแยกชั้นไขมันออกจากกล้ามเนื้อ แล้วจึง เย็บกล้ามเนื้อหน้าท้องเข้าด้วยกันบริเวณเอว เพื่อกระชับสัดส่วน

ดึงผิวหนังหน้าท้องให้ตึงแล้วจึงตัดส่วนเกินทิ้งไป

รอยแผลเป็นหลังผ่าตัด จะค่อนข้างยาว เป็นแนวนอนบริเวณเหนือหัวหน่าว ตามรอย  Bikini –line

แผลผ่าตัดจะเห็นชัดในช่วงแรกและจะดีขึ้นตามลำดับภายใน 3 เดือน-1 ปี

ข้อควรรู้หลังผ่าตัด

  • หลีกเลี่ยงการโดนน้ำบริเวณแผล จนกว่าจะตัดไหม
  • ในช่วงแรกควรระวัง การลุกนั่ง ไม่ควรเดินเร็ว หรือรีบขยับตัว
  • หลีกเลี่ยงอาหารแสลง ของหมักดอง แอลกอฮอลล์ บุหรี่ 1 เดือน
  • ต้องสวมแผ่นรัดหน้าท้องตลอดเวลานาน  6 อาทิตย์ เพื่อช่วงพยุงหน้าท้องเอาไว้
  • รัดผ้ายืดรัดหน้าท้องให้แน่นและจัดอย่าให้มีรอยย่นบนผ้ารัดหน้าท้อง
  • แผลผ่าตัดจะเห็นชัดในช่วงแรกและจะดีขึ้นตามลำดับภายใน 3 เดือน-1 ปี
  • ถ้ามีอาการบวมแดงบริเวณแผลผ่าตัดมากกว่าปกติควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที
  • หลีกเลี่ยงการโหมงานหนักหรือออกกำลังกายอย่างหนัก โดยเฉพาะ ท่าที่เกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้อง 6 อาทิตย์
  • ในบางรายอาจมีอาการชาเกิดขึ้นได้ โดยทั่วไปอาจชาอยู่ประมาณ 3 เดือน ถึง 1 ปี
  • เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อ ทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

ติดต่อสอบถาม หรือขอคำปรึกษาฟรีได้ที่ เอเม่คลินิก www.aimeclinic.com

บทความแนะนำ