เคยไหม? เมื่อมีชายหนุ่มมาชวนเพื่อนสาวของเราไปเที่ยว เราถามเธอว่า “แกจะยอมไปรึเปล่า?”
หรือเมื่อเขามาขอเพื่อนเราเป็นแฟน เราพูดกับเธอว่า “แกจะยอมเป็นแฟนเขาป่ะวะ?”
มากไปกว่านั้น หากเราได้ยินว่าเพื่อนเราไปมีเซ็กส์กับชายผู้นั้นมาแล้ว เราเม้าท์กับเพื่อนคนอื่นๆ ว่า “มันยอมเขาได้ไงนะ?”
คำถามเหล่านี้เกิดขึ้นรอบตัวฉันตลอดเวลา เพราะคนเรามักสนใจความเป็นไปในความสัมพันธ์ของเพื่อนรอบตัวเรา และแสดงความคิดเห็นของตัวเองเสมอ ฉันขัดใจและยังคงอึดอัดหลายครั้งที่ได้ยินคำถามที่มีคำว่า “ยอม”
แต่ก็อดกลั้นเก็บมันไว้ในใจตลอดมา
มี sex เพราะ “ยอม” หรือ “อยาก”
จนกระทั่งวันหนึ่งได้ยินเพื่อนพูดว่าแฟนของเธอคงจะถูกใจผู้หญิงแบบแฟนเก่า ของเขามากกว่า เธอบอกว่าเพราะผู้หญิงคนนั้นเที่ยวกลางคืนได้ แตะได้ จับได้ พูดง่ายๆ คือ “ยอม”
ฉันจึงสวนไปว่า “ทำไมแกไม่คิดบ้างว่า ผู้หญิงคนนั้นเขาก็อาจจะ ‘อยาก’ ก็ได้ อยากให้แตะ อยากให้จับ ใช่ว่าเขาทำเพราะยอมอย่างเดียวเสียหน่อย”
ฉันเข้าใจว่าเพศหญิงถูกปลูกฝังให้เก็บกดความรู้สึกอารมณ์ทางเพศ ไม่ให้แสดงออกในทุกด้าน ตั้งแต่เรายังเป็นเด็กทารกตัวยาวเท่าหนึ่งไม้บรรทัด เวลาเอามือไปจับอวัยวะเพศ พ่อแม่ก็มักจะตีมือแล้วดุว่ามันไม่สมควรทำ นิทานก่อนนอนที่พ่อแม่อ่านให้ฟัง คือนิทานที่เจ้าหญิงต้องรอให้เจ้าชายมาขอแต่งงาน เมื่อโตเป็นวัยรุ่น ค่านิยมนี้ก็ฝังเข้ากระดูกดำเราไปโดยไม่รู้ตัวแล้ว
สังคมเราเข้าใจว่าผู้ชายควรเป็นฝ่ายเริ่ม เป็นฝ่ายที่มีความรู้สึกทางเพศ ไม่ว่าจะตั้งแต่เข้ามาจีบ มาแตะเนื้อต้องตัว แต่หากเกิดอะไรเสียหายขึ้น ทุกคนต่างมองที่ฝ่ายหญิงอย่างแรกว่า “ผิดที่ไปยอมเขาเอง”
เราใช้คำว่า “ยอม” กันจนเป็นเรื่องปกติ จนนำไปสู่ทัศนคติในเรื่องอื่น เช่น ผู้หญิงที่ไม่ยอมง่ายๆ ถือว่า “ดี” “มีคุณค่า” ผู้หญิงที่ยอมเสมอนั้น “ไม่มีราคา” ผู้ชายไม่เห็นคุณค่าจะทิ้งไปวันไหนก็ได้
ทั้งที่หลายครั้ง คำว่า “ยอม” นั่นแหละที่ทำร้ายใจเราเอง
อย่างในเรื่องเซ็กส์ หลายคนตั้งเส้นไว้ว่าจะยอมให้เขา เมื่อได้ใช้เวลารู้จักกันพอสมควรแล้ว หรือเมื่อมั่นใจว่าเขารักเราจริงๆ ซึ่งก็เป็นเรื่องดี แต่ถ้าวันหนึ่ง เขากลับไปจากเรา ก็คือเราไม่ใช่หรือที่โทษตัวเองว่าไม่น่ายอมให้เขา กลายเป็นแผลในใจ หรือบางคนก็ “ปล่อยตัว” เสียเลย
แต่หากเราลองเปลี่ยนทัศนคติ ยึดที่ตัวเราเป็นหลักบ้างว่า เราอยากจะมีเซ็กส์กับเขาไหม พร้อมหรือยัง รับผิดชอบได้หรือเปล่า ถ้าทุกอย่างมันเป็นความต้องการของเราด้วย แล้วสุดท้าย เขายังไปจากเราอยู่ดี ก็คงตอบได้เลยว่า เพราะเขาหวังจากเราแค่เรื่องนี้จริงๆ แล้วก็ไม่มีอะไรต้องไปเสียใจหรือเสียดายกับคนที่ไม่ได้คิดจริงจังกับความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น
คำง่ายๆ กับค่านิยมเรื่องเพศที่โดนปลูกฝังอย่างยากที่จะถอนออกนี้ ยิ่งตอกย้ำว่าเพศหญิงอ่อนด้อยกว่า เพศหญิงต้องรอให้เพศชายมากระทำ แล้วทางเลือกของเราคือ “ยอม” หรือ “ไม่ยอม” เท่านั้น ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว ผู้หญิงเราต่างมีความรู้สึกกับเรื่องนี้ไม่ต่างอะไรกับเพศชายเลย หากไม่ได้ถูกสั่งสอนให้เก็บกดไว้ตั้งแต่เด็ก
ฉันคิดว่าผู้หญิงมีสิทธิ์ที่จะ “อยาก” ไม่ใช่แค่ “ยอม” มีทางเลือกที่จะ “เริ่ม” ไม่ใช่เพียง “รอ” และสามารถ “เลือกได้” ไม่ใช่ “ให้ใครมาเลือก” เพียงอย่างเดียว
ขอบคุณที่มาจาก teenpath.net