หลายคนอาจจะไม่เคยรู้ว่าร้านน้ำเต้าหู้ หรือสลัดหลาย ๆ ร้าน ใช้ข้าวบาร์เลย์ แทนลูกเดือย แต่ด้วยลักษณะภายนอกที่คล้าย ๆ กัน อาจทำให้หลายคนเข้าใจผิดกันได้ แต่บอกเลยว่า ประโยชน์ของบาร์เลย์ก็มีดีไม่แพ้ลูกเดือยเลยนะ จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย!
ประโยชน์ของข้าวบาร์เลย์
ควบคุมน้ำตาลในเลือด
ทำให้ข้าวบาร์เลย์สามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี ควบคุมไม่ให้น้ำตาลในเลือดสูงเกินไป
ลดคอเลสเตอรอล
มีเบต้ากลูแคน (Beta Glucan) อยู่มาก จึงช่วยชะลอและลดการดูดซึมคอเลสเตอรอลเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้ข้าวบาร์เลย์ช่วยควบคุมคอเลสเตอรอลในเลือด
ดีต่อ(หัว)ใจ
เนื่องจากบาร์เลย์สามารถช่วยลดคอเลสเตอรอลในเส้นเลือดได้ ก็เลยเป็นผลดีต่อหัวใจด้วย เพราะโรคหัวใจส่วนใหญ่ เกิดจากระดับคอเลสเตอรอลที่สูงเกินไป และจากการศึกษาก็พบว่า คนที่ทานข้าวบาร์เลย์เป็นประจำจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดหัวใจล้มเหลวได้
ช่วยควบคุมน้ำหนัก
ข้าวบาร์เลย์มีโปรตีน และกรดอะมิโนสูง แคลอรี่ต่ำ ไฟเบอร์สูง ทำให้อิ่มไว อิ่มนาน ช่วยให้ไม่อยากอาหาร เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่กำลังลดน้ำหนัก หรือควบคุมน้ำหนัก
ป้องกันมะเร็ง
มีสารที่ช่วยป้องกันมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งเต้านม และมะเร็งลำไส้ใหญ่ และยังช่วยลดสารอนุมูลอิสระในร่างกาย นอกจากนี้ยังช่วยให้ต่อมไทรอยด์ทำงานได้อย่างปกติอีกด้วย
บำรุงผิวพรรณ
บาร์เลย์มีสรรพคุณช่วยกำจัดของเสียออกจากร่างกาย แถมยังมีกรดอะซีลาอิก (Azelaic acid) ที่ช่วยลดอาการอักเสบของสิว และยังมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยก่อนวัยอีกด้วย
ป้องกันโรคโลหิตจาง
ในข้าวบาร์เลย์อุดมไปด้วยธาตุเหล็ก ที่มีส่วนช่วยในการบำรุงเลือด ป้องกันการเกิดโลหิตจาง
กระดูกแข็งแรง
ในข้าวบาร์เลย์อุดมไปด้วยฟอสฟอรัส และทองแดง ที่ช่วยในการสร้างกระดูก ช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง ถ้าใครที่เป็นกระดูกพรุนอยู่แล้ว ข้าวบาร์เลย์ก็สามารถช่วยให้อาการดีขึ้นได้ แถมยังช่วยลดอาการของโรคไขข้ออักเสบ สร้างคอลลาเจนทำให้กระดูกและข้อต่อมีความยืดหยุ่น
ดีต่อระบบย่อยอาหาร
ข้าวบาร์เลย์มีไฟเบอร์สูง ดีต่อระบบทางเดินอาหาร ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี ช่วยในการขับถ่าย แถมยังช่วยเผาผลาญพลังงานในร่างกาย ลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งลำไส้ และริดสีดวงได้อีกด้วย
ป้องกันนิ่ว
โดยเฉพาะสาว ๆ ที่มีความเสี่ยงในการเกิดนิ่วมากกว่าผู้ชาย บาร์เลย์มีไฟเบอร์ที่ไม่ละลายในน้ำ ที่จะช่วยลดปริมาณการหลั่งของน้ำดี ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นนิ่วในถุงน้ำดี
ขอบคุรข้อมูลจาก: organicfacts
Written by: Typrn
