เรื่องน่ารู้คู่สุขภาพวันนี้… เรามีสรรพคุณและประโยชน์ของขิงมาบอกกันค่ะ เรามักจะเห็นกันอยู่บ่อยๆ ที่คุณยาย คุณแม่ของเรามักจะชอบนำขิงมาเป็นส่วนผสมในการทำอาหาร กินคู่กับน้ำพริก หรือนำมาต้มทำเป็นน้ำดื่ม ทั้งเป็นชาหรือกินเป็นเต้าฮวยน้ำขิงก็มี ทั้งๆ ที่รสชาติของมันก็ออกจะขม เผ็ดร้อน (บอกตรงๆ เลยว่า ไม่ค่อยอร่อยเลย) แต่ก็เห็นผู้ใหญ่ชอบกินกันมากๆ พอไปถามผู้ใหญ่ก็มักจะบอกเราว่า ขิงช่วยขับเลือดลม บำรุงหัวใจ และยังช่วยให้เรานอนหลับสบายด้วยนะ นี้ยังไม่หมดนะคะประโยชน์ของขิงยังมีอีกเพียบ… อย่าช้า! มาดูกันเลย
ประโยชน์ของขิง ที่คุณอาจไม่เคยรู้
สรรพคุณของขิง
1. เหง้า : รสหวานเผ็ดร้อน ขับลม แก้ท้องอืด จุกเสียด แน่นเฟ้อ คลื่นไส้อาเจียน แก้หอบไอ ขับเสมหะ แก้บิด และยังเป็นสารสำคัญในน้ำมันหอมระเหย จะออกฤทธิ์กระตุ้นการบีบตัวของกระเพาะอาหารและลำไส้ ใช้เหง้าแก่ทุบหรือบดเป็นผง ชงน้ำดื่ม แก้อาการคลื่นไส้อาเจียน แก้จุกเสียด แน่นเฟ้อ เหง้าสด ตำคั้นเอาน้ำผสมกับน้ำมะนาว เติมเกลือเล็กน้อย จิบแก้ไอ ขับเสมหะ
2. ต้น : รสเผ็ดร้อน ขับลมให้ผายเรอ แก้จุกเสียด แก้ท้องร่วง
3. ใบ : รสเผ็ดร้อน บำรุงกำเดา แก้ฟกช้ำ แก้นิ่ว แก้ขัดปัสสาวะ แก้โรคตา ฆ่าพยาธิ
4. ดอก : รสเผ็ดร้อน แก้โรคประสาทซึ่งทำให้ใจขุ่นมัว ช่วยย่อยอาหาร แก้ขัดปัสสาวะ
5. ราก : รสหวานเผ็ดร้อนขม แก้แน่น เจริญอาหาร แก้ลม แก้เสมหะ แก้บิด
6. ผล : รสหวานเผ็ด บำรุงน้ำนม แก้ไข้ แก้คอแห้ง เจ็บคอ แก้ตาฟาง เป็นยาอายุวัฒนะ
7. แก่น : ฝนทำยาแก้คัน
สารอาหารในขิง
นอกจากนี้ขิงยังมีสารอาหารที่มีคุณค่าต่อร่างกายอีกด้วย ได้แก่ โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต แคลเซียม วิตามินเอและอีกมากมาย ขิงมีฤทธิ์อุ่น ช่วยขับเหงื่อ ไล่ความเย็น ขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ช่วยให้เจริญอาหารและทำให้ร่างกายอบอุ่น ในทางการทำเป็นยาจะใช้ขิงแก่ เพราะขิงยิ่งแก่จะยิ่งเผ็ดร้อนและมีใยอาหารมาก นำเหง้าสดย่างไฟให้สุก ตำผสมกับน้ำปูนใสคั้นเอาแต่น้ำดื่ม หรือนำเหง้าสดหมกไฟรับประทานเมื่อมีอาการเบื่ออาหาร
การประกอบอาหารจากขิง
การนำขิงมาประกอบอาหาร ก็สามารถได้หลากหลายอย่าง ได้แก่ ขิงนำมาทำอาหารได้หลากหลาย ขิงอ่อนใช้เป็นผักจิ้ม ใช่ทำผัดขิง ใส่ในยำ เช่น ยำหอยแครง ใส่ในแกงฮังเล น้ำพริกกุ้งจ่อม ซอยใส่ในต้มส้มปลา เมี่ยงคำ ใช้ทำขิงดอง ใส่ในบัวลอยไข่หวาน เพื่อดับกลิ่นคาวไข่ หรือจะทำเป็นอาหารหวานก็ได้ เช่น น้ำขิงเต้าฮวย ขิงแช่อิ่ม ขนมปังขิง และยังทำเป็นขิงผงสำเร็จรูป สำหรับชงดื่มได้อีกด้วยนะ
คุณค่าทางโภชนาการของขิง : เมื่อบริโภคขิง 100 กรัม ได้แก่
- พลังงาน 25 กิโลแคลอรี่
- โปรตีน 0.4 กรัม
- คาร์โบไฮเดรท 4.4 กรัม
- ไขมัน 0.6 กรัม
- เส้นใยอาหาร 0.8 กรัม
- ธาตุเหล็ก 1.2 มิลลิกรัม
- แคลเซียม 18 มิลลิกรัม
- ฟอสฟอรัส 22 มิลลิกรัม
- เบต้า-คาโรทีน 10 ไมโครกรัม
- วิตามินซี 1 มิลลิกรัม
- ไธอะมีน 0.02 มิลลิกรัม
- ไนอะซีน 1 มิลลิกรัม
- ไลโบฟลาวิน 0.02 มิลลิกรัม
ลดน้ำหนัก จากขิง
และสำหรับสาวๆ ที่กำลังจะลดน้ำหนัก เราขอแนะนำให้ดื่มน้ำขิงเลยค่ะ เพราะช่วยน้ำขิงช่วยลดน้ำหนักได้อย่างดีเยี่ยมเลยนะ อ่ะ! งงล่ะสิว่าจะช่วยลดน้ำหนักได้อย่างไร?
1. น้ำขิงมีฤทธิ์ร้อน ดังนั้นเมื่อดื่มเข้าไปแล้วความร้อนที่ได้จะเข้าไปช่วยเผาผลาญพลังงานในร่างกาย ช่วยให้ร่างกายเผาผาญไกลโคเจนได้ดีขึ้น เมื่อเผาผลาญดีจึงมีส่วนช่วยลดความอ้วนได้ดีมากขึ้น
2. ช่วยทำให้อุณหภูมิในร่างกายเหมาะสม อุณหภูมิในร่างกายของคนเราจะอยู่ที่ประมาณ 37 องศาเซลเซียส แต่หากอุณหภูมิในร่างกายของเราลดลงต่ำกว่า 37 จะทำระบบการย่อยหรือการเผาผลาญพลังงานไม่สมบูรณ์ ทำงานได้ไม่เต็มที่ การดื่มน้ำขิงจะเข้าไปช่วยปรับอุณหภูมิในร่างกายให้กลับเข้าที่เข้าทาง ทำให้ระบบเผาผลาญพลังงานดีขึ้น ช่วยเผาผลาญไขมันส่วนเกินออกไปได้มากขึ้น
3. ช่วยให้ขับถ่ายดี น้ำขิงมีสรรพคุณช่วยให้การขับถ่ายของเราเป็นปกติ เมื่อระบบขับถ่ายดี การขนส่งของเสียในร่างกายไม่ติดขัด ร่างกายก็สามารถขับของเสียออกไปได้หมด โดยของเสียเหล่านั้นไม่ย้อนกลับไปทางเลือด ก็จะทำให้ระบบการย่อยอาหารของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้น ขับถ่ายดี ก็ลดน้ำหนักดีเช่นกันค่ะ
เคล็ดลับการดื่มน้ำขิง
สาวๆ ควรดื่มเป็นประจำในช่วงเช้าเวลาประมาณตี 5 – 6 โมงเช้า เป็นช่วงที่เหมาะแก่การดื่มมากที่สุด เพราะจะทำให้เราขับถ่ายได้ดี แล้วก็เตรียมร่างกายให้พร้อมในการเผาผลาญพลังงาน กินบ่อยๆ จะช่วยลดน้ำหนักได้ดี เป็นการลดน้ำหนักง่ายๆ โดยใช้สมุนไพรจากธรรมชาติ ไม่ต้องอดอาหาร ไม่ต้องกลัวผลค้างเคียง แถมยังดีต่อสุขภาพอีกด้วยนะ
มาเตรียมส่วนผสมให้พร้อมกันก่อนลงมือทำกันค่ะ
1. ขิงแก่ 1 กิโลกรัม
2. น้ำตาลทรายแดง 1 ถ้วยตวง
3. น้ำสะอาด 3 ลิตร
ขั้นตอนการทำน้ำขิง
1. นำขิงที่ได้ไปล้างให้สะอาด แล้วเอามาทุบให้แตก
2. นำมาใส่ในหม้อต้ม แล้วเติมน้ำสะอาดลงไป ยกขึ้นตั้งไฟ
3. เมื่อต้มจนน้ำเดือดแล้ว ค่อยเบาไฟลง เคี่ยวประมาณ 20 นาที จนน้ำขิงละลายออกมาจนหมด (น้ำจะเป็นสีเหลืองอ่อนๆ) หลังจากนั้นก็ยกลงจากเตา
4. เสร็จแล้วให้ตักน้ำขิงใส่แก้ว เติมน้ำตาลทรายแดงลงไป 1-2 ช้อนชา (ตามความต้องการของเพื่อนๆ เลยค่ะ ว่าชอบหวานประมาณไหน) แค่นี้ก็เรียบร้อยแล้ว สามารถนำมาดื่มได้เลย
หรือถ้าเพื่อนๆ ไม่ชอบดื่มแบบร้อนๆ ก็สามารถตักน้ำแข็งใส่ลงไปด้วยก็ได้นะคะ และก็ควรเติมน้ำตาลมากกว่า 2-3 เท่า (จะช่วยไม่ให้รสจืดมากเกินไป เพราะมีน้ำแข็งผสมอยู่นั่นเอง)
—————————————————————-
อ้อ! เคล็ดลับส่งท้าย… น้ำขิงที่คั้นมานั้นไม่ควรใช้ปริมาณที่เข้มข้นจนเกินไป เพราะจะเป็นอันตรายกับร่างกายได้ เพราะจะไประงับการบีบตัวของลำไส้ จนทำให้ลำไส้หยุดการบีบตัว ดังนั้นควรคั้นดื่มในปริมาณน้อยๆ นะคะ
ที่มาจาก : จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี , http://www.doesystem.com
