ความสวยไม่เข้าใครออกใคร และความไม่สวยก็ไม่เข้าใครออกใครเช่นเดียวกันกับความดำด้านของ ข้อศอก และหัวเข่าที่มักจะมาเยี่ยมเยือนคุณสาวๆ แบบไม่แบ่งสี ไม่ว่าคุณจะมีผิวขาวหรือผิวดำ ถ้าคุณไม่ได้เกิดมาเป็นลูกคุณหนู ผู้มีอันจะกิน ชนิดที่ไม่ต้องทำงานหนักเอง เชื่อว่าคุณต้องพบกับปัญหาข้อศอกดำ หัวเข่าด้านแน่นอนค่ะ
อันที่จริงปัญหาข้อศอกดำ หัวเข่าด้านนี้ เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมาได้อย่างง่ายดายไม่ว่าจะเป็นคุณสาวๆ หรือคุณผู้ชาย คุณจะรวยหรือจน เชื่อว่าทุกคนล้วนเคยเท้าโต๊ะในเวลาทำงาน เท้าแขนเวลานั่งเสวนา ปาร์ตี้กับเพื่อนฝูง หรือแม้แต่นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นจริงไหมคะ นั่นเป็นสาเหตุลำดับต้นๆ เลยละค่ะที่จะทำให้ผิวพรรณของคุณ โดยเฉพาะส่วนของข้อศอก และหัวเข่าดำด้านขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เชื่อได้เลยว่าปัญหานี้เป็นปัญหาที่หลายคนมักมองข้าม แต่คุณสาวๆ รู้หรือไม่คะว่า หากปล่อยนานไป โดยไม่มีการบำรุงหรือใส่ใจ ข้อศอก และ หัวเข่าของคุณ ก็จะทวีความดำด้านและกร้านยิ่งขึ้น ดูไม่งามไปกว่าเดิมนะคะ
วิธีเปลี่ยนข้อศอกดำ เข่าด้าน ให้ขาวเนียนนุ่ม
หากคุณสาวๆ อยากจะมีข้อศอกและหัวเข่าที่เนียนนุ่ม น่ามองขึ้นกว่าเดิม ลองทำตามวิธีง่ายๆ แบบสบายกระเป๋าของ ดูค่ะ
หลีกเลี่ยง
พยายามอย่านำข้อศอกของคุณไปเสียดสี หรือกระแทกกับสิ่งของต่างๆ ไม่ควรเท้าศอกบบนโต๊ะ นั่งขัดสมาธิบนพื้นแข็ง เพราะนี่เป็นต้นเหตุลำดับต้นๆ ที่สั่งสมให้ข้อศอกและเข่า รวมถึงตาตุ่มของคุณดำด้านค่ะ
ใช้มะนาว
– ใช้มะนาว หรือมะขาวเปียก นำมาขัด ข้อศอก หัวเข่า ตาตุ่ม บริเวณที่หยาบกร้าน ขัดๆ ถูๆ และปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด มะนาวหรือมะขามเปียกจะช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดออกและทำให้ผิวขาว นุ่มขึ้น เพื่อความขาวกระจ่างอย่างต่อเนื่อง ทิชชี่แนะนำว่าควรทำสม่ำเสมอเมื่อมีเวลา ความหยาบกร้านของคุณก็จะลดลงไปอย่างเห็นได้ชัดเลยละค่ะ
น้ำตาลทราย
ใช้น้ำตาลทราย นำมาผสมกับเบบี้ออยล์ ทาที่หัวเข่า ข้อศอก ตาตุ่ม ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที หลังจากนั้น ใช้ใยบวบที่ใช้ถูหลังเวลาอาบน้ำ ถูเป็นวงกลมเบาๆ น้ำตาลจะช่วย ผลัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดออกไป ส่วนเบบี้ออยล์ให้ความชุ่มชื่นกับผิวค่ะ
บำรุงผิวเป็นประจำ
เมื่อทำการขัดๆ ถูๆ บริเวณที่หยาบกร้านแล้ว สิ่งที่คุณไม่ควรลืมคือ การทาครีมบำรุงผิวเป็นประจำ เพื่อผิวที่เนียนนุ่มขึ้นค่ะ รับรองว่าหากคุณทำเป็นประจำ และสม่ำเสมอ ปัญหาข้อศอกดำ เข่าด้าน ตาตุ่มหยาบก็จะไม่เกิดกับคุณอย่างแน่นอนค่ะ
เครดิตภาพ: heyfranhey.com