ความเบี่ยงเบนทางเพศ บ้ากาม ภัยคุกคามทางเพศ โรคจิต

รู้รับมือ โรคจิต-บ้ากาม ภัยคุกคามทางเพศ

Home / เพศศึกษา / รู้รับมือ โรคจิต-บ้ากาม ภัยคุกคามทางเพศ

โดย นายแพทย์ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานต์ : ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต

กรณีที่มีข่าวเรื่องมีผู้ชาย เปิดอวัยวะเพศ ทำให้ผู้หญิงตกใจ รวมทั้งรายหนึ่งที่มีการถ่ายรูปนำไปเผยแพร่ใน social media จนเป็นข่าวสังคมกันไปอย่างกว้างขวาง และเกิดวาทกรรม เรื่อง “บ้ากาม” และ “โรคจิต” กับปรากฏการณ์และบุคคลเหล่านี้ ผมได้มีโอกาสให้สัมภาษณ์หลายสื่อ จึงขอนำมาแบ่งปัน ดังนี้

เข้าใจพวก โรคจิต บ้ากาม และวิธีรับมือ

รู้รับมือ โรคจิต-บ้ากาม ภัยคุกคามทางเพศ

กรณีแบบนี้ผู้กระทำมิได้เป็น โรคจิต หรือ บ้ากาม แต่เป็นความผิดปกติทางจิตใจ ที่เรียกว่า “ความเบี่ยงเบนทางเพศ” หรือการหาความสุข ความพึงพอใจทางเพศด้วยวิธีผิดปกติ ที่พบบ่อยคือ ถ้ำมอง ขโมยกางเกงใน โทรลามก เสียดสีอวัยวะเพศในรถเมล์ และโชว์อวัยวะเพศ คนเหล่านี้จะได้รับความตื่นเต้นทางเพศ จากพฤติกรรมดังกล่าว เพราะไม่สามารถได้รับความพึงพอใจทางเพศจากการมีสัมพันธภาพและการมีเพศสัมพันธ์แบบคนทั่วไป สาเหตุส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากความเก็บกดทางเพศทำให้เกิดความกลัวที่จะมีสัมพันธภาพและเพศสัมพันธ์ตามปกติ ประกอบกับการเรียนรู้ เรื่องเพศอย่างผิดๆในวัยรุ่น จนเริ่มกลายเป็นนิสัยหรือความผิดปกติในผู้ใหญ่

คนเหล่านี้ส่วนใหญ่ ไม่ได้เป็นอันตรายต่อผู้หญิง

เพราะส่วนใหญ่จะไม่กล้าที่จะมีสัมพันธภาพและเพศสัมพันธ์แบบคนทั่วไป ในทางสุขภาพจิตความเบี่ยงเบนทางเพศที่อันตรายคือ พวกชอบมีเพศสัมพันธ์กับเด็ก เพราะทำให้เด็กได้รับบาดแผลทางกาย/ใจและบางครั้งก็เสียชีวิต ว่าไปแล้วคนเหล่านี้แม้จะทำให้สังคมวุ่นวาย/ตกใจ เพราะพฤติกรรมตนเอง แต่ก็น่าสมเพช เพราะด้านหนึ่งก็ควบคุมพฤติกรรมตนเองไม่ได้ เพราะมีแรงกระตุ้นจากจิตใต้สำนึก แต่ก็ไม่กล้าบอกใคร ไม่กล้าไปรักษา เพราะเป็นพฤติกรรมที่รู้สึกน่าอับอาย

รู้รับมือ โรคจิต-บ้ากาม ภัยคุกคามทางเพศ

ทางออกสำหรับสตรีและผู้พบเหตุก็คือ

ให้รู้ถึงที่มาที่ไปอย่างที่กล่าวมาแล้วและอย่าตกใจ เพราะเสียงและท่าทางตกใจของผู้พบเหตุ(สตรี) จะไปกระตุ้นความพึงพอใจทางเพศ และทำให้บุคคลดังกล่าวกลับมาทำอีก ทางที่ดีก็คือ ให้แจ้งพนักงานเจ้าหน้าที่ เช่น กระเป๋ารถเมล์ คนขับรถ ตำรวจ เพื่อนำบุคคลดังกล่าวไปดำเนินคดี ซึ่งในทางศาลอาญาปัจจุบันจะถือว่าไม่ใช่คดีร้ายแรง ก่อนพิจารณาในศาลจะมีการให้คำปรึกษาและให้ไปบำบัดก่อน ก็จะเกิดการแก้ไขที่ต้นเหตุอย่างแท้จริง

ส่วนสำคัญที่สุด

คือการทำความเข้าใจว่าโรคนี้เป็นโรคทางสังคมด้วย เพราะสะท้อนให้เห็นถึงเด็กและวัยรุ่นไทย เติบโตมาโดยไม่มีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องเพศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความแตกต่างระหว่างชายหญิง ค่านิยมทางเพศ เพศสัมพันธ์ที่รับผิดชอบ เพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย ความหลากหลายทางเพศสภาพ ฯลฯ

รวมทั้งเรื่องความเบี่ยงเบนทางเพศ ทำให้เยาวชนไทยเติบโตขึ้นมาโดยไม่รู้ว่าคืออะไร ไม่รู้วิธีปฏิบัติตนและไม่รู้วิธีการหาความช่วยเหลือหากตนมีปัญหา รวมทั้งยังมีทัศนคติทางลบสืบทอดให้รุ่นต่อไปที่สำคัญคือโรงเรียนซึ่งเป็นสถาบันที่สร้างการเรียนรู้

จะต้องสอนเพศศึกษารอบด้าน

เพื่อให้เยาวชนไทยเติบโตมาด้วยความรู้ความเข้าใจ มีทัศนคติเชิงบวกและสามารถดูแลแก้ไขปัญหาตนเองและผู้อื่นได้ ซึ่งยังเป็นจุดอ่อนของระบบการศึกษาไทยมายาวนาน ทั้ง ๆ ที่เพศศึกษารอบด้านจะช่วยป้องกันและแก้ปัญหามากมาย รวมทั้งเรื่องตั้งครรภ์วัยรุ่น โรคเอดส์ ชีวิตครอบครัว ความเท่าเทียมและเข้าใจกันของเพศสภาพต่าง ๆ

นอกจากโรงเรียน ที่สำคัญมากคือสถาบันครอบครัว

พ่อแม่เองก็ควรมีความรู้ความเข้าใจเรื่องเพศ มีทัศนคติเชิงบวก แต่ก่อนอื่นใดคือการมีสัมพันธภาพที่ดีกับลูก รับฟังลูก ไม่ใช่มุ่งแต่ตำหนิ สั่งสอน ซึ่งจะทำให้ลูกไม่กล้าเปิดเผยเรื่องของตนเอง ถ้าครอบครัวมีสัมพันธภาพที่ดี รับฟังและคุยกันได้ดีก็จะเป็นพื้นฐานที่มั่นคงในตัวลูก รวมทั้งความมั่นคงในเรื่องเพศด้วย ส่วนการคุยในเรื่องเพศจะเป็นเรื่องตามมาเอง และพ่อแม่ก็คงคุยกับลูกในทุกประเด็นที่กล่าวมาแล้วของเพศศึกษาไม่ได้ แต่ควรมีสัมพันธภาพที่ดีและแบบอย่างคือการสอนลูกที่ดีที่สุด และเปิดโอกาสรวมทั้งแนะนำให้ลูกหาความรู้ที่ถูกต้องจากหนังสือ ภาพยนตร์สารคดี หรือสื่อให้ความรู้ที่หาได้จากออนไลน์

ที่มาบทความ 3c4teen

ดูคลิป กรมสุขภาพจิต ชวนสังคมให้โอกาสผู้ป่วยจิตเภท

บทความอื่น ๆ