สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่ชอบทานเผ็ดเป็นประจำต้องระวังให้ดีเลย จากงานวิจัยฉบับใหม่ของนักวิชาการเกี่ยวกับการบริโภคพริกกับโรความจำเสื่อม พบว่า การทานเผ็ด มีความเสี่ยงทำให้เกิดสภาวะความจำเสื่อม หากมีการทานอาหารที่มีรสชาติเผ็ดเป็นประจำ หรือทานในปริมาณที่มากจนเกินไป
คนที่ชอบกินเผ็ด เสี่ยงเป็นโรคความจำเสื่อม
ถือได้ว่าเป็นข่าวร้ายสำหรับกลุ่มบุคคลที่ชื่นชอบในการทานอาหารเผ็ด เพราะกลุ่มนักวิจัยค้นพบว่า การบริโภคพริกเป็นจำนวนมาก อาจเพิ่มความเสี่ยงของการเป็นโรคความจำเสื่อมได้มากกว่าคนที่ไม่ชอบทานเผ็ด
ซึ่งงานวิจัยดังกล่าวนำโดย ซูมิน ชิ (Zumin Shi) ผู้ช่วยศาสตรจารย์จากคณะวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยกาตาร์ ได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลของชาวจีนจำนวน 4,582 คน ที่มีอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป (ในช่วงปี 1991-2006 ที่ผ่านมา) พบหลักฐานของการเสื่อมถอยของกระบวนการรับรู้ ในกลุ่มบุคคลที่ทานพริกเป็นประจำในปริมาณกว่า 50 กรัมต่อวัน
เราจะเห็นได้ว่า งานวิจัยในอดีตที่เคยระบุไว้ว่า การทานพริกมีผลดีต่อร่างกาย เช่น ช่วยลดน้ำหนัก และช่วยลดความดันเลือด เป็นต้น แต่ในงานวิจัยฉบับใหม่นี้กลับพบว่า พริกมีผลร้ายต่อกระบวนการรับรู้ของผู้ใหญ่ที่มีอายุมาก
การทานพริกสดและพริกแห้ง มีผลต่อโรคความจำเสื่อม
ทั้งนี้ หมิง ลี (Ming Li) จากมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นออสเตรเลีย หนึ่งในผู้เขียนวิจัยได้ระบุว่า อันตรายของการทานพริก ครอบคลุมทั้งพริกสดและพริกแห้ง แต่ไม่รวมถึงพริกไทยดำและพริกหวาน ถึงแม้ว่าพริกจะเป็นหนึ่งในสมุนไพรที่ถูกนำมาใช้ในการปรุงอาหารกันอย่างกว้างขวางทั่วทุกมุมโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทวีปเอเชียและยุโรป และยังรวมถึงบางมณฑลของประเทศจีน เช่น เสฉวน และหูหนาน ฯลฯ ที่มีการนำพริกมาใช้ในการปรุงรสชาติอาหารกันในหลาย ๆ เมนู
นอกจากนี้ในพริกยังมีแคปไซซิน ที่เป็นสารประกอบรสเผ็ดที่ไปเร่งการทำงานของเมตาบอลิซึม ที่ช่วยลดไขมันและยับยั้งความผิดปกติของหัวใจ แต่การทานเผ็ดเป็นประจำหรือในปริมาณมาก ๆ ติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง อาจเป็นการเพิ่มความเสี่ยงทำให้เรากลายเป็นโรคความจำเสื่อมได้
นักวิจัยได้มีการอธิบายเพิ่มเติมอีกด้วยว่า สำหรับใครที่มีน้ำหนักตัวในระดับเกณฑ์มาตรฐาน อาจจะได้รับผลกระทบด้านความทรงจำมากกว่ากลุ่มบุคคลที่มีน้ำหนักเกิน
โดย องค์การอนามัยโลก (WHO) องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ปัจจุบันมีผู้ป่วยเป็นโรคความจำเสื่อมกว่า 50 ล้านคนจากทั่วโลก และขณะนี้ ยังไม่มีวิธีการรักษาและยับยั้งการลุกลามของโรคเหล่านี้ได้
ข้อมูลจาก FB : China Xinhua News, www.sanook.com
บทความที่น่าสนใจ
