ฮาโลวีน เป็นเทศกาลของชาวตะวันตกที่เด็กๆ จะได้สนุกสนานกับการแต่งตัวเป็นคุณผีทั้งหลาย แล้วก็ออกไปตามบ้านต่างๆ เพื่อขอขนม ลูกอม หรือบางครั้งก็เป็นเงิน โดยการกล่าวคำว่า Trick-Or-Treat!!…ความหมายก็คือ หากเจ้าของบ้านไม่ทำการ “Treat” หรือก็คือการมอบสิ่งของตามที่เด็กๆ ร้องขอละก็ เป็นต้องโดนก่อกวน หรือ “Trick” แน่ๆ แต่ประเด็นที่เราจะมาพูดถึงในตอนนี้ ไม่ใช่ว่าเราจะมาเชิญชวนให้ท่านทั้งหลายออกไป “Trick-Or-Treat” ชาวบ้านชาวช่องเขาหรอกนะ แต่เรากำลังจะพูดถึงเจ้า ฟักทอง ที่มักจะถูกนำมาแกะสลักเป็นโคมไฟ เพื่อนำไปประดับตามบ้านหรือตามทางเดินในวันฮาโลวีนต่างหากล่ะ
ประโยชน์ของ ฟักทอง
ฟักทอง (Pumpkin) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cucurbita pepo L. อยู่ในวงศ์ CUCURBITACEAE ไม่ว่าชาติไหนก็นิยมนำมาทำอาหารทั้งคาวหวาน เนื่องจากมีรสชาติที่หอมหวานอร่อย เนื้อของฟักทองอุดมไปด้วยโปรตีน คาร์โบไฮเดรต วิตามินซี วิตามินอี ไนอาซิน (วิตามินบี 3) แมกนีเซียม โปแตสเซียม เซเลเนียม สังกะสี และเหล็ก
นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งสำคัญของสารในกลุ่มแคโรทีนอยด์ (carotenoids) ชนิดต่างๆ ที่เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะถูกเปลี่ยนไปเป็นวิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตาและผิวพรรณ ฟักทองจึงจัดเป็นอาหารที่เหมาะสำหรับผู้ที่ขาดวิตามินเอ และในเนื้อของฟักทองมีกากใยอาหารมาก จึงช่วยให้ระบบย่อยอาหารของร่างกายทำงานดีขึ้น เมล็ดฟักทองสามารถนำมาทำเป็นของขบเคี้ยวสำหรับทานเล่น ที่เมื่อเริ่มกินแล้วหยุดกันไม่ค่อยอยู่จริงๆ แถมยังมีคุณค่าทางโภชนาการสูงอีกต่างหาก เพราะในเมล็ดฟักทองมีทั้งน้ำมัน แป้ง โปรตีน วิตามิน และยังเป็นแหล่งของธาตุฟอสฟอรัส ที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง รวมทั้งช่วยรักษาสมดุลของกรดและด่างภายในร่างกายอีกด้วย
การศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาพบว่า สารเบต้าแคโรทีนในเนื้อสีเหลืองของฟักทองมีฤทธิ์ ต้านอนุมูลอิสระ และมีฤทธิ์ต้านเซลล์มะเร็งหลายชนิด การศึกษาเปรียบเทียบความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งโดยพิจารณาถึงการใช้ชีวิตและอาหารการกินระหว่างคนที่เป็นมะเร็งและคนปกติพบว่า ผู้ที่มักจะรับประทานผักผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารแคโรทีน (carotene-containing vegetable) เช่น แครอท ฟักทอง มะเขือเทศ กะหล่ำ ผักกาด และผักใบเขียวอื่นๆ เป็นประจำ จะมีความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งในกระเพาะอาหาร ลำไส้ ปอด และเต้านมลดลง
การศึกษาในสัตว์ทดลองพบว่า ฟักทองสามารถเพิ่มระดับอินซูลินในเลือด ทำให้น้ำตาลในเลือดลดลง นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ลดความดันโลหิต แก้ปวด บรรเทาการอักเสบ กระตุ้นการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกันของร่างกาย แก้ท้องเดิน ช่วยให้ผิวพรรณชุ่มชื้น และช่วยชะลอความแก่
นอกจากนี้ เมล็ดฟักทอง ยังมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและฤทธิ์บรรเทาอาการอักเสบ กรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวในเมล็ดฟักทองมีฤทธิ์ลดคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือด อีกทั้งยังช่วยปกป้องเซลล์ตับด้วย การศึกษาทางคลินิกพบว่าสารสกัดจากเมล็ดฟักทองมีฤทธิ์ในการรักษาโรคต่อมลูกหมากโตโดยไม่ทำให้เกิดอาการที่ไม่พึงประสงค์ในคนไข้เกือบทั้งหมด
เอาละ…ในเมื่อรู้ถึงคุณประโยชน์อันมากมายของคุณพี่ฟักทองกันแล้ว วันฮาโลวีนที่จะถึงนี้ หากใครยังไม่มีกิจกรรมที่ไหน เราขอเสนอกิจกรรมการทำเมนูฟักทอง ไม่ว่าจะเป็น…แกงบวดฟักทอง น้ำฟักทอง ฟักทองนึ่ง สังขยาฟักทอง ฟักทองผัดไข่ หรือเมนูอื่นๆ แล้วแต่ความสร้างสรรค์ของแต่ละท่าน มาทำทานกันเองในครอบครัวให้มันอบอุ่นๆ และเข้ากับเทศกาลกันดีกว่า
ขอบคุณข้อมูลจาก คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ภาพประกอบเป็นสิทธิ์ของ campus-star.com เท่านั้น