บางครั้งเราก็ไม่รู้ตัวหรอกว่ากำลังทำอะไรอยู่ และไม่คิดกันเลยว่าสิ่งที่เราทำกันเป็นประจำนั้นจะส่งผลเสียต่อสมองโดยตรงกันเลยทีเดียว อย่ารอช้า!! เรามาดูกันดีกว่าว่าจะมีพฤติกรรมอะไรบ้าง? ที่ทำแล้วส่งผลกระทบทำลายสมองของเราโดยตรง ทั้งทำให้สมองเสื่อม จนกลายเป็นโรคอัลไซเมอร์ได้ในที่สุด….
ไม่อยากทำลายสมอง อย่าทำ!!
1. ควรลดกินของหวานเสียบ้าง
ของหวานหากกินมากเกินไป จะเข้าไปขัดขวางการดูดกลืนของโปรตีน สารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายและสมองได้ อีกทั้งยังเป็นสาเหตุทำให้เป็นโรคขาดสารอาหารและขัดขวางการพัฒนาของสมองได้ด้วย
2. ไม่กินอาหารเช้า
พฤติกรรมยอดฮิตของคนสมัยนี้เลยก็ว่าได้ เพราะอาจจะต้องเร่งรีบไปทำนู่นทำนี่ แต่รู้มั้ย? การไม่ทานอาหารเช้านั้น เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้สมองไม่ได้รับสารอาหารมาเลี้ยงสมองอย่างเพียงพอ และเป็นเหตุทำให้เกิดอาการสมองเสื่อมหรืออัลไซเมอร์ได้ (ส่วนมากแล้วจะพบในวัยผู้ใหญ่หรือผู้สูงอายุ)
3. ความเครียด
นอกจากจะทำลายสุขภาพแล้ว ยังส่งผลต่อสมองด้วย!! แถมทำให้ประสิทธิภาพในการทำงาน การเรียนหนังสือลดลงตามไปด้วย และถ้าร่างกายสะสมความเครียดมากจนเกินไปอาจจะทำให้ร่างกายทำงานได้อย่างยากลำบาก สุดท้ายเราก็ป่วย
4. อดหลับอดนอนจนเคยตัว
สมองก็เหมือนอวัยวะอื่นๆ ที่ต้องการการพักผ่อนที่เพียงพอ หากคนเราอดนอนต่อเนื่องกันก็จะทำให้สมองขาดการพักผ่อน เซลล์สมองอาจตายได้ อาจจะทำให้คิดอะไรได้ซ้ำๆ หลงๆ ลืมๆ ดังนั้นควรหาเวลานอนหลับให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง เพื่อจะได้ชาร์จพลังงานให้กับร่างกายและสมองได้อย่างเต็มที่
5. การโกหกเป็นประจำ
การโกหกนั้น ต้องทำให้สมองทำงานหนักกว่าปกติ เพราะสมองต้องคอยจำในสิ่งที่เราโกหกเอาไว้ จึงส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการทำงานของสมอง โดยในความเป็นจริงแล้วสมองคนเรายิ่งทำงานหนักถือว่ายิ่งดี แต่มีข้อมูลยืนยันมาว่า การใช้สมองทำงานหนักในทางที่ไม่สร้างสรรค์นั้น จะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของสมองลดน้อยลง
6. ขาดการฝึกฝน พัฒนาสมอง
หากอยู่เฉยๆ ให้ผ่านไปวันๆ โดยที่ไม่คิดอะไรใหม่ๆ บ้างนั้น จะส่งผลให้การทำงานของสมองลดลงเป็นอย่างมาก เพราะไม่ได้ถูกใช้งานเลย บ่อยๆ เข้าจะสูญเสียเซลล์สมองหรือเส้นใยประสาท ยิ่งใช้สมองน้อยเท่าไหร่ สมองก็จะเริ่มฝ่อเร็วมากขึ้น
7. อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่แย่
สภาพแวดล้อมก็มีผลต่อสมองด้วยเช่นกัน เช่น มลภาวะที่เป็นพิษต่างๆ ทำให้เกิดอันตรายต่อสมองได้ หรือถ้าบรรยากาศไม่น่าอยู่ แออัด มีเสียงดัง ก็จะทำให้รู้สึกไม่เกิดความคิดสร้างสรรค์ สมองจึงไม่เจริญเติบโต ไม่มีการพัฒนา เพราะไม่ได้ใช้ความคิดนั่นเอง
8. การกินอาหารที่มากเกินพอดี
หากกินอาหารปริมาณมากเกินความต้องการของร่างกาย จะทำให้หลอดเลือดแดงในสมองแข็งตัว เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคความจำสั้น ดังนั้นพยายามอย่ากินจุกจิก หรือกินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ให้มากนะ
9. ดื่มกาแฟมากเกินไป
จริงๆ แล้ว การดื่มกาแฟนั้นมีผลดีช่วยกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางให้ไม่รู้สึกง่วง แถมยังช่วยทำให้เรามีสมาธิในการทำงานมากขึ้นด้วย แต่ก็ไม่ควรดื่มจนมากเกินไป นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า “ปริมาณสารคาเฟอีนที่คนเรากินในกาแฟไม่ควรเกิน 250-600 มก. ต่อวัน” ดังนั้นควรดื่มในปริมาณพอเหมาะวันละไม่เกิน 2-3 แก้วก็พอแล้ว
10. สมองถูกกระทบกระเทือนอย่างหนัก
หากสมองได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง อาจจะด้วยแรงกระแทก ส่วนใหญ่เกิดจากอุบัติเหตุ การตกจากที่สูง ถือว่าเป็นการทำร้ายสมองอย่างตรงจุด อาจทำให้เลือดคั่งในสมอง สมองบวม ความจำอาจเสื่อม และเซลล์ในสมองบางส่วนจะถูกทำลาย
11. การดื่มของมึนเมา
หากดื่มมากเกินไป จะทำให้สมองฝ่อ เป็นโรคประสาท ฤทธิ์ของแอลกกอฮอล์นั้นจะเข้าไปกดประสาท ส่งผลให้สมองทำงานช้าลง ขาดสติ ประสาทหลอน พูดจาไม่รู้เรื่อง เมื่อสมองทำหน้าที่ผิดปกติก็จะส่งผลถึงการทำงานของอวัยวะอื่นๆ ในร่างกายด้วย เช่น กล้ามเนื้อส่วนปลาย แขน ขา อ่อนแรง และเป็นโรคซึมเศร้า เป็นต้น
12. นอนคลุมผ้าห่มปิดหัว
เป็นการเพิ่มคาร์บอนไดออกไซด์ให้มากขึ้น และลดออกซิเจนให้น้อยลง ส่งผลต่อการทำงานของสมองโดยตรง!!
13. เล่นโทรศัพท์มือถือมากๆ ก็ไม่ดี
นักวิจัยพบว่า คลื่นจากมือถือนั้น เป็นสาเหตุก่อให้เกิดโรคมากมาย เช่น อัลไซเมอร์ เป็นหมัน มะเร็ง เป็นต้น โดยเฉพาะวัยรุ่นที่ใช้มือถือคุยนานๆ เกินวันละ 2 ช.ม. มีอัตราความเสี่ยงที่จะเป็นโรคขี้หลงขี้ลืมก่อนวัยอันควร เพราะคลื่นโทรศัพท์มีผลต่อร่างกายมนุษย์ โดยเฉพาะเซลล์สมองและเซลล์สืบพันธุ์ เพราะมีความไวต่อการรับความรู้สึกนั่นเอง นอกจากนี้การวางโทรศัพท์มือถือไว้ใกล้ตัวขณะนอนหลับ คลื่นแม่เหล็กก็จะไปรบกวนสมอง ทำให้สมองทำงานได้น้อยลงนั่นเอง
14. การเป็นโรคที่สัมพันธ์กับสมองโดยตรง
นอกจากพฤติกรรมแล้ว โรคภัยไข้เจ็บก็ทำร้ายสมองได้เช่นกัน โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับสมอง เช่น เนื้องอกในสมอง เยื่อหุ้มสมองอักเสบ โรคชัก เป็นต้น บางโรคเป็นแล้วรักษาหายขาดได้ บางโรคก็ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ดังนั้นแล้วเราควรใส่ใจกับสุขภาพของตัวเองและคนใกล้ตัวอย่างเคร่งครัดให้มากยิ่งขึ้น
——————————————–
ภาพจาก :
www.goodhousekeeping.com
www.rd.com/health/conditions/
