ผัก ฟักทอง

ประโยชน์ของฟักทอง และข้อควรระวังในการกิน – กินให้ถูกได้สุขภาพดี

Home / สุขภาพทั่วไป / ประโยชน์ของฟักทอง และข้อควรระวังในการกิน – กินให้ถูกได้สุขภาพดี

ฟักทอง (pumpkin) เนื้อสีเหลือง ผักที่นิยมนำมาทำเป็นอาหาร ทั้งคาวและหวาน ไม่ว่าจะเป็น ต้ม ผัด ทอด หรือทำเป็นของหวาน อาหารว่าง เป็นผักที่มีกากใยสูง ไขมันน้อย เหมาะมากๆ เลยสำหรับคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก อีกทั้งยังเป็นแหล่งรวมวิตามินแร่ธาตุที่มีประโยชน์สุขภาพมากมาย แต่ในอีกด้านก็เกิดโทษได้หากทานไม่เหมาะสม มีประโยชน์และข้อควรระวังอะไรบ้าง ไปอ่านเกร็ดความรู้กันค่ะ

ประโยชน์ของฟักทอง และข้อควรระวังในการกิน

ลักษณะของฟักทอง ผิวผลขณะยังอ่อนอยู่จะมีสีเขียว เมื่อแก่ได้ที่แล้วจะมีสีเขียวสลับเหลือง ผิวขรุขระ เปลือกแข็ง ปอกเปลือกออกมาเนื้อข้างในมีสีเหลือง หรือเนื้อสีเหลืองอมส้ม

– ฟักทอง อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุมากมายที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินบี 5 วิตามินบี 6 วิตามินซี วิตามินอี ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุแคลเซียม ธาตุโพแทสเซียม ธาตุโซเดียม ธาตุแมงกานีส ธาตุเหล็ก ซิงค์ เป็นต้น ล้วนแต่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย

– ฟักทองมีส่วนช่วยบำรุงสุขภาพร่างกาย เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย บำรุงตับและไตให้แข็งแรง

– ช่วยป้องกัน และลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคหัวใจ

– น้ำมันจากเมล็ดฟักทองมีส่วนช่วยบำรุงประสาท

– มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยในการชะลอความชรา บำรุงสุขภาพผิวให้เปล่งปลั่งสดใส ไม่ให้เหี่ยวย่น

– มีวิตามินเอ ช่วยบำรุง และรักษาสายตา

– เมล็ดฟักทองมีสารที่ช่วยในการสร้าง Serotonin ช่วยทำให้อารมณ์ดี

– มีไขมันน้อย กากใยสูง เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดความอ้วน มีส่วนช่วยในการขับถ่าย ขับปัสสาวะ ป้องกันการเกิดโรคนิ่ว

ข้อควรระวัง

– เพราะฟักทองมีฤทธิ์อุ่น ไม่เหมาะกับผู้ที่กระเพาะร้อน เช่น ผู้ที่มีอาการกระหายน้ำ ปัสสาวะเหลือง ท้องผูก มีแผลในช่องปาก เหงือกบวมเป็นประจำ เป็นต้น ไม่ควรทานในปริมาณที่มาก หรือบ่อยเกินไป ในปกติทั่วไปก็เช่นกันไม่ควรทานมากไป พราะอาจจะทำให้เกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ไม่สบายท้องได้

Written by : Thexyz

บทความที่เกี่ยวข้อง