โยเกิร์ต อีกหนึ่งอาหารว่างที่เป็นที่นิยมโดยเฉพาะสาว ๆ ที่กำลังคุมน้ำหนัก แต่สำหรับบางคนกลับรู้สึกว่ากินแล้วไม่ค่อยจะถูกปากสักเท่าไหร่ ก็รสชาติมันปะแล่ม ๆ นี่หน่า! ขอแนะนำให้ไปดู 7 เหตุผล ที่ควรกินโยเกิร์ตทุกวัน – ดีต่อใจ ลำไส้ไม่ป่วย กันก่อน เผื่อจะลองเปิดใจดวงน้อย ๆ หันมากินโยเกิร์ตกันดู
7 เหตุผล ที่ควรกินโยเกิร์ตทุกวัน
เป็นแหล่งโปรตีนชั้นดี
โยเกิร์ตมีโปรตีนมากกว่านมถึง 20 เปอร์เซ็นต์ โดยที่โยเกิร์ต 200 กรัม ให้โปรตีนสูงถึง 12 กรัมเลยทีเดียว และโปรตีนจากโยเกิร์ตยังไม่ทำให้ท้องอืดเหมือนโปรตีนที่ได้จากนมอีกด้วย
เพิ่มภูมิคุ้มกันในร่างกาย
ใครที่ป่วยง่ายแนะนำให้ลองกินโยเกิร์ตทุกวันดู โพรไบโอติกส์ในโยเกิร์ตจะช่วยป้องกันการติดเชื้อ ที่เป็นสาเหตุของการป่วยไข้ มีงานวิจัยพบว่าโพรไบโอติกส์ในโยเกิร์ต สามารถป้องกันและช่วยให้หวัดหายเร็วขึ้นได้ นอกจากนี้โยเกิร์ตยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุต่าง ๆ ทั้งแมกนีเซียม ซีลีเนียม และซิงค์ ที่มีส่วนช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้เป็นอย่างดี
ดีต่อใจ
ไขมันในโยเกิร์ต ตัวปัญหาที่ทำให้เป็นข้อถกเถียงกันว่าสรุปแล้วโยเกิร์ตมันดีหรือไม่ดีกันแน่ แต่ในความเป็นจริงแล้วโยเกิร์ตอุดมไปด้วย ไขมันดี HDL ที่จะไปช่วยลดไขมันไม่ดี ลดไขมันที่อุดตันในเส้นเลือด ช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคหัวใจได้เป็นอย่างดี
อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ
ทั้งวิตามินบี 2 และบี 12 ที่ช่วยบำรุงประสาท และบำรุงผิวพรรณ อีกทั้งยังมีฟอสฟอรัสและแคลเซียมที่สูงมาก โดยในโยเกิร์ต 8 ออนซ์จะมีแคลเซียมมากถึง 450 มิลลิกรัม ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง
ลำไส้ไม่ป่วย
ดีต่อระบบย่อยอาหาร และระบบขับถ่าย เพราะในโยเกิร์ตจะมีแบคทีเรียดีอยู่มาก มีส่วนช่วยในการย่อยอาหาร ช่วยรักษาอาการท้องผูก ช่วยให้ขับถ่ายได้อย่างสะดวกลื่นปรื้ด ๆ นอกจากนี้ยังช่วยบรรเทาอาการท้องเสียได้อีกด้วยนะ
หน้าใส
อันนี้ถือว่าเป็นผลพลอยได้มาจากการที่เราขับถ่ายได้สะดวก ท้องไม่ผูกก็ไม่มีสารพิษตกค้าง หน้าก็จะใส ไม่มีสิวมากวนใจ
น้องสาวแข็งแรง
แถมอีก 1 ข้อสำหรับสาว ๆ จุลินทรีย์ในโยเกิร์ตจะช่วยป้องกันการติดเชื้อในช่องคลอด และโพรไบโอติกส์ยังมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อรา ทำให้น้องสาวของสาว ๆ ไม่มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ และยังช่วยรักษาช่องคลอดอักเสบได้อีกด้วย
เลือกโยเกิร์ตผิด ชีวิตเปลี่ยน
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องเลือกให้ดีนะ สำหรับโยเกิร์ตไขมัน 0% จะมีน้ำตาลราว ๆ 5-8 กรัม ส่วนโยเกิร์ตรสธรรมชาติ จะมีปริมาณน้ำตาลอยู่ที่ 14-18 กรัม และผู้ชนะก็คือโยเกิร์ตรสผลไม้ ที่มีปริมาณน้ำตาล 18-24 กรัมขึ้นไป เห็นแบบนี้แล้วก็คงจะรู้กันแล้วใช่มั้ยคะ ว่าควรจะเลือกกินโยเกิร์ตแบบไหน
บทความที่เกี่ยวข้อง
- กำจัดของเสียในร่างกายด้วยวิธีธรรมชาติ “8 ผักผลไม้ ช่วยล้างสารพิษ”
- ประโยชน์ของข้าวบาร์เลย์ ดีต่อ (หัว)ใจ เหมาะกับคนที่กำลังคุมน้ำหนัก
- อาหาร 7 ชนิด ที่จะทำให้เรื่องการลดน้ำหนักของคุณ เป็นเรื่องที่ง่ายมากยิ่งขึ้น
- 8 สิ่งที่จะเกิดขึ้น เมื่อคุณกิน แซลมอน เป็นประจำ
ขอบคุณข้อมูลจาก: healthline, dailysabah
Written by: Typrn