ความรู้สึก ซึมเศร้า

แม้จะไม่มีความสุข แต่เราก็มีค่าพอที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป … คนธรรมดา

Home / สุขภาพทั่วไป / แม้จะไม่มีความสุข แต่เราก็มีค่าพอที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป … คนธรรมดา

หลายปีมานี้ คำว่า “ซึมเศร้า” ปรากฏให้เราเห็นและได้ยินอยู่บ่อย ๆ ทั้งในสื่อนานาประเภทและในบทสนทนากับคนรอบตัว จนเราเริ่มคุ้นเคยกับมันและมองว่า “ซึมเศร้า” เป็นอีกโรคหนึ่งที่ต้องได้รับการรักษา ไม่ได้เกิดจาก “จิตใจอ่อนแอ” อย่างที่บางคนด่วนตีตรา ทุกคนมีโอกาสเป็นได้ และเป็นเหตุนำไปสู่การฆ่าตัวตายอีกด้วย

เป็นคนธรรมดา แต่ว่า…ซึมเศร้านิดหน่อย

หนึ่งปัจจัยสำคัญ ต่อผู้ป่วยโรคซึมเศร้าคือ “คนรอบตัวผู้ป่วย” ซึ่งมีบทบาทในการช่วยเหลือและเยียวยาโรคนี้ อันที่จริง ใครหลายคนรับรู้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากมาย แต่บางครั้งกลับยังรู้สึกไม่ “เข้าใจ” ผู้ป่วยซึมเศร้าเท่าที่ควร ซึ่งหนังสือเล่มนี้จะเปิดโลกของหญิงสาวผู้ “เป็นคนธรรมดา แต่ว่า…ซึมเศร้านิดหน่อย” ให้ทุกคนได้เข้าใจอย่างแท้จริง

“เป็นคนธรรมดา แต่ว่า…ซึมเศร้านิดหน่อย” มีที่มาจากไดอารี่ส่วนตัวของคุณอีซูย็อน นักดนตรีชาวเกาหลี ผู้อยู่กับโรคซึมเศร้ามานับสิบปี เธอเขียนไดอารี่นี้ระหว่างเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลจิตเวช เพื่อพูดคุยกับตัวเอง ระบายความทุกข์ และบันทึกบทสนทนากับคุณหมอประจำตัวตลอดสิบเดือน

นอกจากได้รับทราบขั้นตอนการรักษาและอาการต่าง ๆ ของโรคซึมเศร้าแล้ว เรายังได้สัมผัสทุกความคิดและอารมณ์ความรู้สึกที่ผู้เขียนเปิดเปลือยอย่างซื่อตรงทั้งแง่มุมบวกและลบ อีกทั้งได้ร่วมเดินทางผ่านเส้นทางคดเคี้ยวภายในจิตใจของผู้เขียน ทั้งในยามจมดิ่งสู่หลุมลึกแห่งความเศร้า ยามลุกขึ้นมาด้วยความหวัง ช่วงเวลาที่ต่อสู้กับความคิดว่าจะอยู่หรือไป จนถึงวันที่เธอพยายามฆ่าตัวตาย…

● บางครั้งฉันก็เหนื่อย กับการทำความเข้าใจตัวเองเหมือนกัน

อาการป่วยที่สั่งสมเป็นเวลานานทำให้วันพรุ่งนี้ของเธอเป็นแค่ภาพเลือนราง ไม่อาจวาดฝันหรือคาดเดาชีวิตในวันต่อไปได้ราวกับหายไปจากโลกนี้ได้ตลอดเวลา เธอถอดใจกับการมีชีวิตอยู่มากแค่ไหน ความกลัวที่จะจากไปก็ถาโถมขึ้นเรื่อย ๆ

● แต่ฉันก็ไม่อยากยอมแพ้

แม้เส้นทางข้างหน้าจะมืดเพียงใด ปลายทางจะมีทางออกอยู่หรือไม่ หากแต่คนข้างกายของเธอทั้งเพื่อน หมอประจำตัว และครอบครัวยังคงจับมือเธอไว้แน่น อย่างน้อยบนหนทางมืดมิดยังได้รับความอบอุ่นจากรอบข้าง ได้แต่หวังว่ามันจะอุ่นพอให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อไปในโลกอันหนาวเหน็บและปวดร้าวนี้

● แม้แต่คนแบบฉัน ก็มีสิทธิ์ที่จะมีความสุขเช่นกัน

เธอหวังว่าเมื่อหลุดพ้นจากโรคนี้แล้วเธอจะมีความสุข แล้วหากไม่เป็นเช่นนั้นล่ะ หากรักษาไม่หายแล้วต้องป่วยไปตลอดชีวิตล่ะ… เช่นนั้นเธอจะยังมีความสุขได้อีกหรือเปล่า แล้วเธอจะทำให้ใครเจ็บปวดอีกหรือไม่ ภายในใจลึก ๆ ก็ได้แต่เชื่อว่าคนป่วยอย่างเธอจะมีความสุขเหมือนคนธรรมดาได้สักวัน

หากได้เปิดไดอารี่ของเธอ ทุกตัวอักษรที่เธอเขียนคือเสียงในใจที่ไม่อาจบอกใครได้ แต่การบ่นระบายราวกับเทความรู้สึกอันอัดอั้นของตัวเองลงในนั้นทำให้คุณสามารถเปิดประตูเข้าสู่โลกของโรคซึมเศร้า ก้าวเข้าไปปลดล็อกแม่กุญแจแห่งความสิ้นหวังของผู้ป่วยทุกคนด้วยกุญแจแห่งความเข้าใจ

สิ่งที่คุณอีซูย็อนเฝ้าปรารถนามาตลอดคือ “ความเข้าใจ” ซึ่งช่วยปลอบโยนว่าเธอไม่ได้เดียวดายบนโลกใบนี้ สุดท้ายด้วยความเข้าใจที่ได้รับจากคุณหมอและครอบครัวนี้เองที่ทำให้เธอเหมือน “เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์อันมืดมิด”
ถึงที่สุดแล้ว เราอาจยังไม่ “เข้าใจ” ผู้ป่วยซึมเศร้าได้อย่างแท้จริงหากไม่ได้พานพบ สิ่งที่เขาเผชิญอยู่ด้วยตัวเอง แต่หากเรา “เปิดใจ” พร้อม “รับฟัง” มากกว่าแค่ “รับรู้” แม้ไม่อาจจุดแสงสว่างปลายอุโมงค์ให้แก่ผู้ป่วยได้ อย่างน้อยเมื่อคุณอ่าน “เป็นคนธรรมดา แต่ว่า…ซึมเศร้านิดหน่อย” จบแล้ว อุโมงค์นั้นก็จะไม่มีวันมืดมิดไปกว่าเดิม

“ขอโทษที่ไม่อาจพูดได้เต็มปากว่าฉันหายดีหรือเป็นแรงบันดาลใจให้คุณได้ เพราะฉันยังคงใช้ชีวิตแต่ละวันอย่างเจ็บปวด ถึงอย่างนั้นฉันก็อยากรักตัวเองจนลมหายใจสุดท้ายมาถึง และหวังว่าหนังสือเล่มนี้จะช่วยแบ่งเบาความเจ็บปวดของพวกคุณทุกคน

Pre-Order “เป็นคนธรรมดา แต่ว่า…ซึมเศร้านิดหน่อย” วันนี้-20 ต.ค. 2564 ได้ที่ www.nanmeebooks.com และ Facebook : bloomread

บทความแนะนำ