เมื่อร่างกายเจอภาวะขาดน้ำ เราก็จะรู้สึกเหนื่อย ร่างกายอ่อนเพลียไม่มีแรง และนี่ก็เป็นข้อเท็จจริงที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลยว่าถ้าร่างกายของเราเกิดภาวะขาดน้ำขึ้นมาเมื่อไหร่จะส่งผลเสียต่อร่างกายโดยตรงเลย และนอกจากนี้เราก็มักจะมีความเข้าใจผิดๆ ที่เกี่ยวกับภาวะขาดน้ำกันอีกด้วย เช่นความเชื่อที่ว่าเราควรดื่มน้ำวันละ 8 แก้วทุกวัน เพื่อช่วงทำให้ร่างกายไม่เกิดอาการขาดน้ำ แต่เราขอบอกเลยว่าเป็นความเชื่อที่ผิด ซึ่งความเชื่อนี้เกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1945 หลังจากนั้นอีก 50 ปีต่อมาก็กลายเป็นสิ่งที่ทุกคนยอมรับและเชื่อกันมาโดยตลอด
ล่าสุดได้มีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับความเชื่อดังกล่าวในปี 2004 เกี่ยวกับปริมาณน้ำที่เราควรดื่มในแต่ละวัน โดยที่ผู้ชายควรดื่มน้ำวันละ 3.7 ลิตร ส่วนผู้หญิงควรดื่มน้ำวันละ 2.7 ลิตร และในบางสถานการณ์อย่างเช่น ยามที่เราป่วยหรือทำงานหนัก ร่างกายของเราจะสูญเสียของเหลวและเข้าสู่ภาวะขาดน้ำได้ในที่สุด
เมื่อร่างกายขาดน้ำ แล้วจะเกิดอะไรขึ้น?
เรื่องน่ารู้ของร่างกายและเซลล์ในร่างกาย
น้ำมีความสำคัญต่อร่างกายมนุษย์เป็นอย่างมาก น้ำจะประกอบอยู่ในร่างกายของเรา 2 ใน 3 ส่วนของน้ำหนักตัว คือน้ำจะมีหน้าที่รับผิดชอบหลายอย่างภายในร่างกายของเรา เช่น การย่อยอาหาร การไหลเวียนของเลือด และการควบคุมอุณหภูมิร่างกาย รวมถึงสุขภาพของเซลล์ทั้งหมดด้วย ตามธรรมชาติเราจะสูญเสียน้ำประมาณ 4-9 แก้วต่อวัน จากการหายใจ เสียเหงื่อและของเสียต่างๆ
ซึ่งในการวิจัยพบว่า ร่างกายจะชดเชยน้ำที่ร่างกายสูญเสียไปเพียงร้อยละ 1-2 ของทั้งหมด โดยจะกระตุ้นให้เรารู้สึกกระหายน้ำในปริมาณที่เหมาะสมเนื่องจากสมอง ไต ต่อมต่างๆ และฮอร์โมนจะทำงานอย่างสอดคล้องกัน เพื่อดูว่าเราดื่มน้ำเข้าไปเท่าไหร่และสูญเสียน้ำไปเท่าไหร่ กระบวนการทั้งหมดจะเริ่มจากต่อมไฮโปธาลามัสซึ่งเป็นตัวควบคุมอุณหภูมิ และช่วยรักษาสมดุลของของเหลวที่อยู่ภายในร่างกาย เมื่อต่อมไฮโปธาลามัสพบว่าในกระแสเลือดมีน้ำน้อยเกินไป มันจะส่งสัญญาณให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนแอนติไดยูเรติกซึ่งจะทำให้ไตลดการขับของเหลวออกจากกระแสเลือด
ผลที่ได้คือปัสสาวะของเราจะข้น และมีสีเข้มขึ้น นอกจากนี้สมองก็จะสั่งให้เรารู้สึกกระหายน้ำ และเมื่อเราดื่มน้ำ ระดับน้ำในกระแสเลือดของเราจะกลับสู่สภาพปกติ ขณะเดียวกันหากอุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้นเนื่องจากเป็นไข้ ทำงานกลางแจ้ง หรืออยู่ท่ามกลางอุณหภูมิที่ร้อนอบอ้าวมากๆ ร่างกายของเราจะเริ่มลดอุณหภูมิลงโดยการขับเหงื่อ แต่หากเราเหงื่อออกมากจนท่วมตัว มีอาการอาเจียน ท้องเสีย ปัสสาวะบ่อยเกินไป หรือแม้แต่ดื่มเหล้าในตอนกลางคืน เราก็อาจประสบกับภาวะขาดน้ำได้เช่นกัน ดังนั้นต้องระวังกันให้ดีๆ เลย
ร้อน เหนื่อย และรู้สึกกระหายน้ำ เมื่อเข้าสู่ภาวะขาดน้ำจะเป็นอย่างไร?
เมื่อเข้าสู่ภาวะขาดน้ำ เราจะมีอาการตั้งแต่ปากแห้ง เหนื่อย ปวดหัว เวียนหัว อ่อนเพลีย ไปจนถึงเฉื่อยชา ตัวเย็น และปัสสาวะไม่ออก (เนื่องจากไตไม่สามารถขับของเหลวที่เหลือน้อยออกมาได้) และที่แย่ไปกว่านั้นคือ เมื่อขาดน้ำปริมาณเลือดก็จะลดน้อยลงเช่นเดียวกับความดันโลหิตก็จะลดลงตามมาด้วย ทำให้หัวใจของเราเต้นเร็วขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้เป็นไมเกรนได้อีกด้วย เนื่องจากเมื่อขาดน้ำหลอดเลือดก็จะตีบทำให้ปริมาณออกซิเจนกับเลือดที่ถูกส่งไปเลี้ยงสมองลดลงนั่นเอง… นอกจากนี้การขาดน้ำยังส่งผลกระทบต่อกระบวนการคิดและจิตใจของเรา การศึกษาพบว่า แม้ว่าจะขาดน้ำเพียงเล็กน้อย แต่ก็ส่งผลเสียต่อสมาธิ ความจำ และอารมณ์โดยตรงเลยทีเดียวค่ะ
การสูญเสียของเหลวภายในร่างกาย (สภาวะขาดน้ำ) ๒
ปริมาณน้ำที่คนเราต้องการจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับอาหารและเครื่องดื่มที่รับประทานเข้าไป สภาพอากาศ และยังรวมถึงความบ่อยในการทำกิจกรรมต่างๆ ผู้ที่มีร่างกายแข็งแรงสามารถอาศัยกลไกกระตุ้นการกระหายน้ำของร่างกายได้ ที่สำคัญน้ำที่อยู่ในผักและผลไม้ก็สามารถช่วยให้ร่างกายของคุณชุ่มชื้นอยู่เสมอ
อันที่จริงร่างกายของเราฉลาดพอที่จะรักษาสมดุลของน้ำเมื่อเราเสียเหงื่อมากเกินไป เราจึงจำเป็นต้องดื่มน้ำเพื่อดับกระหาย และเพิ่มโซเดียมให้ร่างกาย ขณะเดียวกันเมื่อเราทำงานหนักติดต่อกัน ร่างกายจะต้องการเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาร์โบไฮเดรต และอิเล็กโทรไลต์ (เช่นเครื่องดื่มเกลือแร่ หรือน้ำมะพร้าว) ซึ่งจะช่วยชดเชยของเหลวที่สูญเสียไป แต่หากเราดื่มน้ำมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ ไตจะทำงานไม่ทันทำให้น้ำในร่างกายเกินความสมดุลตามที่ร่างกายต้องการ โซเดียมในกระแสเลือดจะเจือจางและน้ำก็จะกลายเป็นพิษ ทำให้มีอาการปวดศีรษะ อ่อนเพลีย คลื่นไส้ และอาเจียน หรือแม้แต่เกิดอาการชักก็อาจจะเป็นไปได้
เมื่อเข้าสู่ภาวะขาดน้ำ สมองของมนุษย์ รวมถึงอวัยวะต่างๆ และฮอร์โมนก็จะทำงานหนัก แต่ถ้าเรารู้จักร่างกายของตัวเองและหมั่นดูแลสุขภาพ ออกกำลังกายเป็นประจำ ระบบต่างๆ ภายในร่างกายก็จะไม่ถูกทำลายจนเสียหายหรือถูกทำลายน้อยที่สุด สุดท้ายนี้ทุกคนก็อย่าลืมดูแลร่างกายของเราอย่าให้ขาดน้ำนะ เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง
————————————————-
ที่มา : http://greatist.com/health/hydration-body-whats-really-happening
ภาพจาก : http://stylecaster.com/beauty/sneaky-ways-to-drink-more-water/