การใช้ชีวิตของคนในยุคปัจจุบันนั้น มีความเปลี่ยนแปลงไปมากจากในยุคอดีต ทั้งวิธีการดำเนินชีวิต การทำงาน และยังรวมไปถึงเรื่องของเทคโนโลยีที่มีความทันสมัยเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในยุคที่การใช้โซเชียลเข้ามามีส่วนในการติดต่อสื่อสาร ทำงาน ก็ยิ่งทำให้พฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนเรามีความเปลี่ยนไปมากเลยทีเดียว
โรคร่าเริง ที่ร่างกายไม่ร่าเริง
กลางวันไม่อยากจะตื่น ส่วนในเวลากลางคืนก็ไม่นอน ทำให้วงจรชีวิตของเราเปลี่ยนแปลงไป ย่อมส่งผลกระทบต่อร่างกายอย่างมากเลย ดังนั้น จึงทำให้เกิดโรคใหม่ขึ้นมาก็คือ “โรคร่าเริง” และทุกคนก็คงจะสงสัยกันอยู่ใช่ไหมว่า โรคนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร และจะส่งผลอะไรต่อสุขภาพของตัวเราบ้าง…
โรคร่าเริง คืออะไร
สำหรับ “โรคร่าเริง” คือ โรคที่เกิดจากพฤติกรรมของคนในยุคปัจจุบัน ที่มีความเปลี่ยนแปลงไปมาก เช่น บางคนก็ชอบที่จะนั่งทำงานหรืออ่านหนังสือในเวลากลางคืน ส่วนในเวลากลางวันก็มานั่งง่วงนอน เป็นต้น ส่งผลทำให้การทำงานของระบบต่างๆ ภายในร่างกายเกิดการแปรปรวน อันเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคต่างๆ ตามมามากมาย นอกจากนี้ ยังทำให้ฮอร์โมนของต่อมไร้ท่อในร่างกายเกิดความบกพร่องอีกด้วย เพราะวงจรการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปนั่นเอง
พฤติกรรมเสี่ยงของคนที่จะเป็นโรคร่าเริง
1. นอนดึกเกินไป
สำหรับใครที่ชอบนอนดึกๆ หรือนอนเกือบเช้าต้องระวังเอาไว้เลย!! เพราะสมองของคนเรานั้นจะถูกกระตุ้นด้วยแสงสีฟ้าที่ถูกส่งออกมาจากหน้าจอมือถือหรือคอมพิวเตอร์ ซึ่งแสงสีฟ้าเหล่านั้นจะเป็นตัวกรตุ้นทำให้ประสาทมีการตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา ทางที่ดีก่อนเข้านอนทุกครั้ง เราควรที่จะเลิกเล่นคอมพิวเตอร์หรือมือถือก่อนประมาณ 2 ชั่วโมง เพื่อทำให้ร่างกายสามารถที่จะปรับสภาพได้ก่อน แค่นี้ก็จะทำให้เราสามารถนอนหลับได้แล้ว
2. ตื่นสาย
การที่เรานอนดึกก็ย่อมทำให้ตื่นสายอยู่แล้ว พอตื่นสายก็ต้องรีบไปเรียนหรือไปทำงาน ถ้าวันไหนสายมากๆ ก็ต้องอดกินข้าวเช้า ซึ่งนี้เป็นสาเหตุทำให้เราอาจจะมีอาการปวดท้อง เป็นโรคกระเพาะได้ นอกจากนี้ การนอนตื่นสายยังทำให้ร่างกายไม่สดชื่นอีกด้วย และที่สำคัญยังทำให้ระบบการทำงานภายในร่างกายแปรปรวนตามมาด้วย ส่งผลทำให้เรามีริ้วรอยหรือสิวได้นั่นเอง ดังนั้น ถ้าเรายังไม่สามารถที่จะตื่นในเวลาเดิม (ตอนเช้า) เองได้ ก็ให้ตั้งนาฬิกาปลุกเอาไว้ก่อน และหลังจากปรับสภาพร่างกายได้แล้ว เราก็จะตื่นเองโดยอัตโนมัติ
3. ง่วงนอนในเวลากลางวัน
เมื่อเรานอนหลับไม่เพียงพอในเวลากลางคืน ก็จะทำให้เรามารู้สึกง่วงนอนในเวลากลางวัน ซึ่งส่งผลเสียต่อร่างกาย ทำให้เราเสียสุขภาพอย่างแน่นอน ดังนั้น เราควรที่จะหยุดทำกิจกรรมต่างๆ ไม่เกินเวลา 4 ทุ่ม แล้วก็เข้านอนเลย ซึ่งเราก็ต้องเข้านอนเวลานี้เป็นประจำทุกวันด้วย จนเกิดเป็นความชิน เพียงเท่านี้ก็ทำให้เราไม่ต้องไปรู้สึกง่วงนอนในเวลากลางวันอีกแล้ว
4. ชอบทำงานในเวลากลางคืน
ถ้าใครที่มีอาการของโรคร่าเริง แน่นอนเลยว่าในเวลากลางคืนจะมีสมาธิในการอ่านหนังสือหรือทำงานได้ยาวทั้งคืนเลย ถึงแม้จะมีผลดีต่อการทำงาน แต่มันกลับส่งผลเสียระยะยาวต่อสมอง เพราะในร่างกายของคนเรานั้นมีนาฬิกาชีวิตอยู่ หากเราใช้เวลาในการทำกิจกรรมแต่ละอย่างไม่ถูกต้อง อาจจะส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ โดยเฉลี่ยแล้วคนเรามักจะนอนเวลา 4 ทุ่ม ถึง ประมาณ 6-7 โมงเช้า ซึ่งในเวลาที่เรากำลังนอนหลับอยู่นั้น ฮอร์โมนในร่างกายจะออกมาเผาผลาญอาหารและซ่อมแซมส่วนต่างๆ ในร่างกาย ดังนั้น ถ้าเราไม่นอนในเวลาดังกล่าวก็อาจจะมีสิทธิ์เป็นโรคอ้วนและโรคอื่นๆ ได้อีกด้วย
อาการของโรคร่าเริง
1. รู้สึกอ่อนเพลียในเวลากลางวันอยู่เป็นประจำ
2. มีอารมณ์ที่หงุดหงิดง่าย
3. ไม่สมาธิในการเรียนหนังสือ หรือทำงานเลย (ในช่วงเวลากลางวัน)
4. ในเวลากลางคืน รู้สึกไม่ง่วงเลย มีสมาธิในการอ่านหนังสือ ทำงานจนเกือบเช้าก็ไม่หลับเลย
ผลกระทบของโรคร่าเริงต่อสุขภาพ
เมื่อร่างกายของเรา ได้รับการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอติดกันเป็นเวลาหลายๆ วัน หรือกลายเป็นสิ่งที่เราทำเป็นประจำก็คือ นอนดึก ตื่นสาย จนเกิดเป็นภาวะสะสม ก็ส่งผลทำให้ระบบต่างๆ ภายในร่างกายมีการทำงานที่แปรปรวน มีความบกพร่อง จนทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกายในระยะยาว เช่น อาจจะทำให้เป็นโรคมะเร็งลำไส้ โรคมะเร็งเต้านม และโรคเบาหวาน เป็นต้น
ปรับพฤติกรรมใหม่ ห่างไกลโรคร่าเริง
1. อาหาร
เราควรที่จะเลือกทานอาหารครบทั้ง 5 หมู่ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารได้อย่างครบถ้วน และทำให้ได้รับพลังงานได้อย่างเต็มที่ ส่งผลทำให้เรามีสุขภาพที่แข็งแรง
2. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยทำให้ร่างกายของเรามีความตื่นตัว ช่วยทำให้กระฉับกระเฉง ไม่รู้สึกง่วงนอนในเวลากลางวันเลย
3. หาเวลานอนพักเสียบ้าง
นอกจากที่ เราจะนอนในเวลาที่เหมาะสมแล้ว การจัดสุขลักษณะของที่ดีให้ดีนั้น ก็เป็นสิ่งที่สำคัญเหมือนกัน เพราะมันสามารถช่วยทำให้การนอนหลับพักผ่อนเป็นไปด้วยดี
4. เอาพิษออกจากร่างกาย
การขับถ่ายถือได้ว่าเป็นการเอาของเสียออกจากร่างกาย ถ้ามีสารพิษสะสมร่างกายก็จะรู้สึกอ่อนเพลียอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น ใครที่ไม่ค่อยชอบทานผักใบเขียว ที่มีประโยชน์ต่อการขับถ่าย ก็ให้ลองทานผลไม้ก็ยังดีนะ เช่น เราอาจจะกินกล้วยหอม ส้ม มะม่วง เป็นต้น
5. อย่าเครียด หรืออารมณ์เสีย
สำหรับ ใครที่ต้องทำงานเครียดๆ ตลอดทั้งวัน ควรที่จะหาเวลาในการผ่อนคลายบ้าง พยายามทำให้ตัวเองรู้สึกมีความสุขให้มากที่สุดก่อนเข้านอน เพราะจะช่วยทำให้เรานอนหลับได้สนิทมากยิ่งขึ้น
ข้อมูล : http://health.haijai.com, www.honestdocs.co,