เพื่อนๆ เคยสังเกตดวงตาของตนเองกันบ้างไหมเอ่ย? ว่าทำไมบางทีถึงได้มีอาการบวมแดง ตาขุ่นมัวมองไม่ค่อยชัดเจน ตาขาวเหลือง ฯลฯ ถ้าเพื่อนๆ มีอาการเหล่านี้อยู่บ่อยๆ ควรรีบไปพบแพทย์เลยนะ เพราะว่ามันสามารถบอกถึงสุขภาพร่างกายภายในของเราได้ว่าตอนนี้กำลังแย่แล้ว ลองเช็คอาการกันดูก่อนเลย
วิธีสังเกตดวงตาของตนเอง ว่าดวงยังปกติดีอยู่หรือไม่
1. อาการตาบวมแดง
หากเพื่อนๆ ตื่นนอนในตอนเช้าพร้อมกับอาการตาแดง บวม คัน ให้ระวังไว้เลยว่าม่านตาอักเสบหรือมีอาการติดเชื้อภายในดวงตา หรือบริเวณอื่นๆ ในร่างกาย และอาจจะทำให้เป็นโรคสะเก็ดเงินไปจนถึงโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ได้
2. อาการตาขุ่นมัว
เป็นอาการของโรคต้อกระจก มักจะเกิดกับผู้สูงอายุ แต่สามารถรักษาให้หายได้โดยการผ่าตัด หากอายุต่ำกว่า 40 ปี และมีอาการตาขุ่นมัวควรรีบเข้ารับการตรวจให้เร็วที่สุด โรคต้อกระจกที่เกิดกับวัยหนุ่มสาวมักจะเป็นอาการแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน
3. รูม่านตาขยายใหญ่กว่าปกติ
มักจะเป็นสัญญาณที่เกี่ยวข้องกับแรงดึงดูดทางเพศ หรือในกรณีที่เป็นผู้หญิงก็คือ อาการตกไข่นั่นเอง การศึกษาพบว่าผู้ชายรู้สึกว่าผู้หญิงที่รูม่านตาขยายใหญ่มีเสน่ห์ ดังนั้นผู้หญิงที่รูม่านตาขยายระหว่างที่ตกไข่ก็จะยิ่งมีเสน่ห์ยิ่งขึ้นไปอีก
4. มีอาการดวงตาข้างหนึ่งเปลี่ยนสี
หากดวงตาของคุณมีสีไม่เหมือนกัน บอกเลยว่าไม่น่าเป็นห่วงเนื่องจากเป็นอาการที่เกิดจากพันธุกรรม แต่ถ้าดวงตาข้างใดข้างหนึ่งเพิ่งเปลี่ยนสีก็อาจเป็นไปได้ว่าเป็นสัญญาณของ โรคท้าวแสนปม กลุ่มอาการวาร์เดนเบิร์ก หรือโรคมะเร็งม่านตา ต้องรีบไปพบแพทย์ทันทีเลย
5. มีวงแหวนสีทองแดงรอบม่านตา
วงแหวนสีทองแดงรอบดวงตาหรือวงแหวนไคเซอร์ไฟเซอร์ สามารถบ่งบอกสัญญาณของโรควิลสันหรือภาวะทองแดงคั่งในร่างกายได้ หากปล่อยไว้ไม่รักษาจะทำให้ตับและสมองได้รับความเสียหายในที่สุด
6. มีวงแหวนสีขาวรอบม่านตา
หากเพื่อนๆ สังเกตเห็นวงแหวนสีขาวขุ่นเกิดขึ้นรอบม่านตา ควรรีบไปพบแพทย์หรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินด่วนเลย วงแหวนสีขาวหรือ arcus senilis เกิดจากการสะสมของไขมันในกระจกตา เมื่อไหร่ที่ปรากฏขึ้นมาก็แปลว่า ระดับคลอเรสเตอรอลของในร่างกายของเพื่อนๆ มีสะสมมากเกินไป แต่ก็มีข่าวดีคือ วงแหวนนี้จะค่อยๆ จางหายไป หากมีการเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน รวมพฤติกรรมการใช้ชีวิตซะใหม่
7. รูม่านตาไม่เท่ากัน
ปกติแล้วรูม่านตาจะมีสัดส่วนเท่ากัน และตอบสนองเหมือนกันเมื่อเจอกับแสงสว่าง แต่ถ้ามีอาการผิดไปจากนั้นอาจเป็นสัญญาณเตือนถึงปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่ เช่น โรคหลอดเลือดสมอง โรคที่เกี่ยวกับระบบประสาท ฯลฯ
8. ตาแห้ง แดง และมีอาการอักเสบ
หากคุณมีอาการแสบตาก็ควรรีบไปพบแพทย์ แต่ถ้าคุณมีอาการตาแดง แห้ง คัน ก็อาจจะเป็นเพราะมีการติดเชื้อข้างในเปลือกตา และเมื่อมีการขยี้ตาก็จะทำให้เกิดอาการบวมแดง ระคายเคืองตามมา ปัจจุบันแม้ว่าจะไม่มีทางรักษาแต่คุณก็สามารถบรรเทาอาการระคายเคืองได้ โดยการใช้สำลีก้อนชุบไบโอคาร์บอเนตโซดาผสมกับน้ำร้อน และป้ายไปตามแนวขนตาวันละ 2 ครั้ง
9. ตาโปน
อาการตาโปนอาจเป็นสัญญาณของโรคคอพอกตาโปน (หรือที่รู้จักกันว่าภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน) หากคุณรู้สึกว่าดวงตาของคุณโปนออกมามากกว่าปกติก็ควรรีบไปพบแพทย์
10. มีอาการตาเหลือง
เมื่อพื้นที่ตาขาวกลายเป็นสีเหลืองจะถูกเรียกว่า โรคดีซ่าน มักจะเกิดขึ้นกับทารกแรกเกิดหรือผู้ใหญ่ที่เป็นโรคตับอักเสบ หากคุณไม่ได้อยู่ในทั้งสองประเภทนี้แต่มีภาวะตาเหลืองก็อาจเป็นไปได้ว่าคุณมีปัญหาเกี่ยวกับตับ ถุงน้ำดี หรือนิ่วในท่อน้ำดี รวมทั้งตับแข็ง ดังนั้นทางที่ดีควรไปพบแพทย์โดยเร็ว
ข้อมูลจาก :
วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี , http://www.bustle.com/ , http://issue247.com/
ภาพจาก : https://www.pexels.com