tamarind ผลไม้ มะขาม

ประโยชน์ของ มะขาม (tamarind) มีดีมากกว่าช่วยเรื่องขับถ่าย

Home / สุขภาพทั่วไป / ประโยชน์ของ มะขาม (tamarind) มีดีมากกว่าช่วยเรื่องขับถ่าย

มะขาม ของคู่ครัวไทยในการปรุงรสอาหาร ไม่ว่าจะอาหารคาว หรือหวาน ในส่วนใหญ่แล้ว พอพูดถึงชื่อมะขามหลาย ๆ คนจะนึกถึงในประโยชน์เกี่ยวกับเรื่องการช่วยเรื่องระบบขับถ่าย ยังมีประโยชน์อื่น ๆ อีกมากทั้งในด้านสุขภาพ และเกี่ยวกับความสวยงาม ที่มาจากมะขาม จะมีอะไรบ้างนั้นไปอ่านเกร็ดความรู้กันค่ะ

ของดีมีประโยชน์ มะขาม (tamarind)

ประโยชน์ของ มะขาม ด้านสุขภาพ

– แคลเซียมจากมะขามจะช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง ช่วยป้องกัน และช่วยรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน

– มะขามช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคให้แก่ร่างกายด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ

– มีวิตามินเอที่มีส่วนช่วยในการบำรุงและรักษาสายตา

– เนื้อมะขามขัดถูฟันเป็นประจำ จะช่วยขจัดคราบสกปรกบริเวณฟันลงได้ โดยเฉพาะผู้ที่ดื่มกาแฟหรือสูบบุหรี่

– แก้อาการท้องผูกได้ โดยการนำเนื้อมะขามเปียก นำมาจิ้มกับเกลือแล้วทาน หรือใส่เกลือเติมน้ำแล้วคั้นเป็นน้ำดื่มก็ได้

– สามารถช่วยขับเสมหะ ละลายเสมหะ ได้ด้วยการนำมะขามเปียกมาจิ้มเกลือแล้วทาน

– ฝักดิบของมะขามใช้ในการลดความอ้วน เป็นยาระบาย ลดอุณหภูมิในร่างกาย

– เปลือกมะขามช่วยรักษาแผลสด แผลไฟลวก แผลเบาหวาน ถอนพิษ

– เปลือกเมล็ดมะขามช่วยสมานแผลที่ช่องปาก คอ ลิ้น และตามร่างกาย

– ดอกสดของมะขามใช้เป็นยาลดความดันโลหิตสูง

ประโยชน์ของ มะขาม ด้านความสวยงาม

– มะขามมีวิตามินซี มีคุณสมบัติช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส และยังสามารถช่วยชะลอวัยและการเกิดริ้วรอยได้

– มะขามเปียกสามารถนำไปทำทรีทเมนต์ โดยนำมะขามเปียกผสมกับน้ำอุ่นและนมสด ใช้พอกผิว ขัดผิวตามซอกขาหนีบ รักแร้ ข้อพับ ช่วยลดรอยคล้ำ ให้กลับมาขาวสดใส นุ่มนวลยิ่งขึ้น

– หรือจะนำมะขามเปียกไปแช่น้ำ ลอกเอาใยออก แล้วนำมาถูตัวเบา ๆ ใช้เป็นประจำช่วยให้ผิวหนังชุ่มชื่น และช่วยกำจัดแบคทีเรียได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

– มะขามเปียกผสมกับดินสอพอ นำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 20 นาทีแล้วล้างออก จะช่วยให้ผิวหน้าดูกระชับสดใสและสะอาด

– นำมะขามเปียกผสมกับน้ำแล้วใช้มือคั้นเนื้อมะขามเพื่อให้ละลายออกมาผสมกับน้ำ น้ำที่ได้มีลักษณะเหลว (ไม่ควรเหลวมาก) ให้นำมานวดศีรษะหลังจากที่สระผมเสร็จแล้ว ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาทีแล้วล้างออก ช่วยรักษารากผม ฆ่าเชื้อราบนหนังศีรษะ และช่วยฆ่าเหาได้

ที่มา: medthai, pobpad ภาพจาก: health.mthai, freepik

บทความแนะนำ