อากาศร้อนจนตับจะแตก! แบบนี้ นอกจากจะต้องระมัดระวังเรื่องโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารแล้ว ยังต้องระวังอาการทางผิวหนังที่เกิดจากความร้อนอย่างผดร้อนอีกด้วย เพราะเจ้าอาการนี้เกิดขึ้นได้ง่าย ซึ่งนอกจากจะมีรอยแดงๆ เป็นปื้นๆ แล้ว บางรายก็อาจจะมีอาการคันตามมา มารู้จักผดร้อนเหล่านี้กันค่ะ
อาการทางผิวหนังเนื่องจากอากาศร้อน
ผดร้อน คืออะไร
ผดร้อนมักจะเกิดขึ้นในช่วงที่มีอากาศร้อนหรืออากาศอบอ้าว สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยส่วนใหญ่แล้วผดร้อนมักจะขึ้นในบริเวณตามซอกต่างๆ ของร่างกายที่เสียดสีกัน อาทิ บริเวณต้นขาด้านใน ใต้รักแร้ หัวเข่า เป็นต้น ผดร้อนเป็นอาการทางผิวหนังที่ไม่อันตราย แต่ก็อาจจะก่อให้เกิดอาการคันหรือแสบได้
ผดร้อน เกิดจากอะไร
ผดร้อน เป็นอาการทางผิวหนังที่เกิดจากต่อมเหงื่อใต้ผิวหนังทำงานผิดปกติ โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดผดร้อนนั้นจะแบ่งออกเป็นตามชนิดของผดร้อนดังนี้ค่ะ
มิเลียเรีย คริสตัลลินา (Miliaria Crystallina)
ผดร้อนชนิดนี้เป็นผดร้อนที่มีอาการรุนแรงน้อยที่สุดและมักพบได้บ่อยที่สุด เมื่อเทียบผดร้อนชนิดอื่น ๆ โดยสาเหตุเกิดจากการรั่วของท่อเหงื่อและสะสมอยู่บริเวณผิวหนังชั้นนอกสุดที่ปกคลุมด้วยผิวหนังบางๆ ทำให้เกิดเป็นตุ่มใสๆ ไม่มีอาการคันและแตกเป็นสะเก็ดได้ง่าย สามารถเกิดได้ทุกส่วนของร่างกาย ผดร้อนชนิดนี้จะเกิดขึ้นหลังจากสัมผัสอากาศร้อนมากกว่า 1-2 วันขึ้นไป เป็นผดร้อนที่พบได้บ่อยในเด็กทารก
มิเลียเรีย รูบรา (Miliaria rubra)
เป็นผดร้อนชนิดที่ก่อให้เกิดอาการแสบและคัน เกิดจากการอุดตันของต่อมเหงื่อในผิวหนังชั้นนอก ทำให้เหงื่อไหลออกมาสะสมที่บริเวณผิวหนังชั้นนอก โดยผดร้อนชนิดนี้จะมีอาการอักเสบร่วมด้วย ทำให้เกิดบวมแดงร่วมกับอาการแสบและคัน ผดร้อนชนิดนี้สามารถกลายเป็นผดที่มีตุ่มหนองได้หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกวิธี
มิเลียเรีย โพรฟันดา (Miliaria profunda)
อาการของผดร้อนชนิดนี้จะแตกต่างจากผดร้อนชนิดอื่นโดยสิ้นเชิง เพราะลักษณะของผดจะมีขนาดใหญ่ เป็นปื้นหนาสีเนื้อ มีสาเหตุมาจากการรั่วไหลของต่อมเหงื่อในชั้นหนังแท้ ส่งผลให้เหงื่อไม่สามารถไหลออกมาได้ โดยจะเกิดขึ้นหลังจากผิวหนังสัมผัสความร้อนไม่กี่ชั่วโมง ผดที่เกิดขึ้นจะไม่มีอาการคัน แต่จะทำให้ร่างกายไม่สามารถหลั่งเหงื่อออกมาเพื่อระบายความร้อน ซึ่งอาจส่งผลให้หน้ามืด และวิงเวียนได้
ผด กับ ผื่น ต่างกันอย่างไร
ผดและผื่นมองผิวเผินอาจจะคล้ายกันแต่ขอบอกเลยว่าทั้ง 2 อาการนี้ไม่ใช่อย่างเดียวกันนะคะ เพราะผดและผื่นนั้นมีสาเหตุการเกิดที่แตกต่างกัน
โดยผดจะเกิดจากการอุดตันของต่อมเหงื่อ และมักเกิดขึ้นในช่วงที่มีอากาศร้อนจัด บ้างก็คัน บ้างก็ไม่ทำให้รู้สึกคัน แล้วแต่ชนิดของผด และเป็นอาการที่ไม่เป็นอันตราย
แต่ผื่นนั้นส่วนใหญ่แล้วจะเกิดจากการแพ้ และถ้าหากเกา ผื่นก็จะยิ่งหนาและลามเป็นวงกว้างมากขึ้น จนกลายเป็นหนองหรืออักเสบ ผื่นที่เกิดขึ้นจะทำให้เกิดอาการคัน และไม่สามารถรักษาได้ด้วยยาแก้คัน แต่ต้องใช้ยาแก้แพ้ช่วยในการรักษาค่ะ
ผดร้อน อาการเป็นอย่างไร
โดยส่วนใหญ่แล้วผดร้อนที่เกิดตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย จะมีลักษณะเป็นปื้นแดง หรือเป็นตุ่มน้ำใส ๆ ขนาดเล็ก รวมกันเป็นกระจุก จะมีอาการคันและแสบหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับชนิดของผดร้อน แต่อาจจะเกิดการอักเสบได้หากเกิดการเสียดสีที่บริเวณที่เป็นผดร้อน นอกจากนี้ถ้าหากเป็นผดร้อนชนิดที่มีอาการแสบและคันร่วมด้วย อาการอาจจะยิ่งเลวร้ายลงถ้าหากโดนเหงื่อค่ะ
ผดร้อน เป็นแล้วควรไปหาหมอหรือไม่
ปกติแล้วผดร้อนเป็นอาการที่สามารถรักษาด้วยตนเองได้และไม่จำเป็นต้องไปพบแพทย์ แต่ถ้าเกิดผดร้อนติดต่อกันเป็นเวลานาน และมีไข้ ตัวเย็น เจ็บบริเวณที่เป็นผดร้อนมากผิดปกติ หรือมีหนองออกมาจากแผลผดร้อน ควรรีบไปพบแพทย์ เพราะนั่นอาจเป็นการติดเชื้อที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน
ผดร้อน รักษาอย่างไร
อาการของผดร้อนไม่ใช่เรื่องอันตรายหรือน่ากลัวแต่อย่างใด และสามารถรักษาให้หายได้ในเวลาไม่นาน เพราะสาเหตุเกิดจากความร้อน ดังนั้นถ้าหากผิวหนังบริเวณดังกล่าวเย็นลงก็จะทำให้อาการผดร้อนลดลงจนหายเป็นปกติค่ะ ซึ่งวิธีรักษาก็มีหลากหลายวิธีดังนี้
– ใช้ครีมรักษาอาการคันที่มีขายตามร้านขายยาทั่วไป
– ในรายที่มีการอักเสบ ควรใช้ยาทาที่มีส่วนผสมของยาปฏิชีวนะด้วย เพื่อรักษาอาการติดเชื้อที่ผิวหนังและต่อมเหงื่อ
– เปลี่ยนมาสวมใส่เสื้อผ้าที่สามารถระบายอากาศได้ดี หรืออาบน้ำเพื่อให้ผิวหนังบริเวณที่เกิดผดร้อนเย็นลง
– พยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้เหงื่อสัมผัสกับบริเวณที่เป็นผดร้อน เพราะจะยิ่งทำให้แสบมากขึ้น
– นำผ้าสะอาดชุบน้ำเย็นแล้วบิดให้หมาดประคบบริเวณที่เป็นผดร้อน เพื่อลดความร้อนของผิวหนัง
– ใช้สมุนไพรที่มีฤทธิ์เย็น เช่น ว่านหางจระเข้ทาบริเวณที่เป็นผดร้อนก็จะช่วยบรรเทาอาการได้
ผดร้อน ป้องกันได้ แค่ทำตามนี้
– หลีกเลี่ยงการสวมเสื้อผ้าฟิต ๆ พอดีตัว หรือหนาเกินไป และควรสวมเสื้อผ้าที่สามารถระบายอากาศได้
– ไม่ควรทาครีมหรือโลชั่นบำรุงผิวหนาเกินไปเพราะจะทำให้เกิดการอุดตันที่รูขุมขน
– หลีกเลี่ยงการอยู่ในบริเวณที่ร้อนจัด หรืออากาศอบอ้าวเป็นเวลานาน ควรอยู่ในบริเวณที่อากาศถ่ายเทและไม่ร้อนมากนัก
– เลือกใช้สบู่ที่เหมาะกับสภาพผิว และไม่มีส่วนผสมของน้ำหอมหรือสารเคมีมากจนเกินไป เพราะสารเคมีอาจจะทำให้ต่อมเหงื่อทำงานผิดปกติได้
– ในวันที่อากาศร้อนจัด ควรหมั่นเช็ดตัวด้วยน้ำเย็น เพื่อให้อุณหภูมิที่ผิวหนังลดลง
– เลี่ยงการออกกำลังกายอย่างหนักในวันที่สภาพอากาศร้อน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : medicinenet.com , healthline.com