ในยุคนี้เราถูกครอบงำไปด้วยความคิดที่ว่าการรับประทานวิตามินเสริม อาหารเสริม สารต้านอนุมูลอิสระ จะช่วยให้เราสวยและอ่อนวัยขึ้น ซึ่งเราก็ไม่รู้เลยว่ามีคุณประโยชน์จริงหรือไม่
ไขข้อสงสัย เรื่องอาหารเสริมผิว
โกจิเบอร์รี่และอาไซเบอร์รี่
คือผลไม้มหัศจรรย์ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระชั้นเลิศ
ผิด –โกจิเบอร์รี่และอาไซเบอร์รี่มีสารต้านอนุมูลอิสระชั้นดีอยู่ก็จริง แต่ก็ไม่ได้ดีไปกว่าสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในลูกพรุน สตรอว์เบอร์รี่ ราสป์เบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ พริกตุ้ม หรือผักชีฝรั่ง และถ้าจะให้ดีที่สุดนั้นต้องได้รับสารต้านอนุมูลอิสระจากหลากหลายแหล่งที่มา โดยอาจเลือกผลไม้ที่มีสีสันต่างๆกันทั้งจากถิ่นกำเนิดที่แปลกหูแปลกตาและที่มีอยู่ในท้องถิ่น เพราะผลไม้แต่ละประเภทมีสารอาหารและโมเลกุลที่แตกต่างกันทำให้ส่งผลลัพธ์ต่อร่างกายในแบบเฉพาะตัว
ไขมันดีต่อการต้านริ้วรอย
ถูก – ขึ้นชื่อว่าไขมันใช่ว่าจะน่ากลัวเสมอไป เพราะไขมันที่ดีเช่น โอเมก้า 3 โอเมก้า 6 และโอเมก้า 9 เป็นไขมันที่เยื้อหุ้มเซลล์ขาดไม่ได้ในกระบวนการเสริมสร้างความยืดหยุ่นผิวและการทำงานของเซลล์ นอกจากนี้ยังเป็นสารต้านอาการอักเสบชั้นดีและช่วยดูดซึมวิตามินอีซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระทรงประสิทธิภาพอีกด้วย โดยนอกจากไขมันดีที่กล่าวมาแล้วยังมีไขมันที่ได้จากกรรมวิธีสกัดจากน้ำมันข้าวสาลี น้ำมันมะกอก น้ำมันถั่วอัลมอนด์ น้ำมันมะพร้าว และน้ำมันปลา ซึ่งหากร่างกายขาดสารชีวะโมเลกุลไขมันหรือที่เรียกว่าไลพิดชนิดนี้แล้วนั้นจะส่งผลให้ผิวหนังแห้งแตกและมีริ้วรอย
การรับประทานไฮยาลูโรนิกแอซิด
ในรูปแบบแคปซูล ช่วยให้มีผิวที่อิ่มเอิบ
ผิด –จริงอยู่ที่สารไฮยาลูโรนิกแอซิดที่มีอยู่ตามธรรมชาติในชั้นผิวหนังแท้นั้นช่วยเพิ่มความหนาแน่นให้กับผิว และเมื่อฉีดไฮยาลูโรนิกสังเคราะห์เข้าไปจะทำให้ผิวหนังบริเวณที่ฉีดมีมวลเพิ่มขึ้นได้ แต่สำหรับไฮยาลูโรนิกแอซิดในรูปแบบแคปซูลนั้นยังไม่มีการยืนยันว่าบำรุงผิวได้จริง หรือทราบว่าต้องได้รับในปริมาณเท่าไรจึงจะเห็นผล แม้สถาบันวิจัยบิโอซีด (Biocyte) จะอ้างว่าคนที่ทดลองแล้วพึงพอใจในประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เรามีผิวอิ่มเอิบได้จริงคือการบริโภคโปรตีนซึ่งได้แก่ ไข่ ปลา เนื้อสัตว์ และถั่วเหลือง
อาหารแนวชีวจิต
มีสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณสูง
ถูก – โครงการวิจัยแห่งยุโรปว่าด้วยอาหารคุณภาพที่ปรุงแต่งในระดับต่ำหรือ QLIF (Qualify Low Input Food) ซึ่งดำเนินการตั้งแต่ พ.ศ. 2547 ถึง พ.ศ. 2552 พบว่าอาหารชีวจิตที่คงสภาพเดิมตามธรรมชาติ ปลอดสารพิษ ไม่ผ่านการขัดสี หรือปรุงแต่งใดๆ มีสารโพลีฟีนอล ฟลาโวนอยด์ เรสเวอราทรอล แคโรทีนอยด์ และวิตามินที่ช่วยป้องกันการแก่ก่อนวัยในปริมาณที่มากกว่าอาหารที่ผ่านการปรุงแต่ง ส่วนอาหารที่ได้จากสัตว์ เช่นนมที่ไม่ผ่านกระบวนการใดๆก็มีปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระสูงเช่นกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องอย่าลืมเลือกอาหารธรรมชาติที่ได้รับประกันว่าปราศจากยาฆ่าแมลงซึ่งเป็นสารอันตรายด้วย
ชาเขียวช่วยต้านริ้วรอยได้ดีนัก
ผิด –เครื่องดื่มสีเขียวใสที่เราโปรดปรานจริงๆแล้วไม่สามารถปกป้องผิวจากริ้วรอยได้นอกเสียจากว่าจะดื่มตามวิธีของชาวญี่ปุ่นที่ชงชาเขียวเข้มข้นร้อนๆ และดื่มอย่างสม่ำเสมอเท่านั้น และแม้จะเป็นความจริงที่ว่าในชาเขียวนั้นอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระแต่ก็มีสารแทนนินอยู่มากเช่นกัน ซึ่งสารแทนนินในชาเขียวมีโมเลกุลขนาดใหญ่ มีโครงสร้างซับซ้อน จึงเป็นเรื่องยากที่สารต้านอนุมูลอิสระต่างๆจะซึมซาบเข้าสู่ผิวได้ อย่างดีที่สุดคือช่วยเคลือบปกป้องช่องปากและกระเพาะอาหารของเราเท่านั้นเอง
อาหารโปรไบโอติกส์ช่วยให้ผิวเปล่งประกาย
ถูก –อาหารที่มีแบคทีเรียที่ยังมีชีวิตอยู่ เช่น โยเกิร์ต หรือนมเปรี้ยวจะช่วยสร้างสมดุลแบคทีเรียในร่างกายและช่วยในระบบขับถ่ายที่ส่งผลต่อผิวพรรณโดยตรง ช่วยลดการลำเลียงสารพิษในระบบย่อยอาหาร นอกจากนี้ยังช่วยทำให้การแปรสภาพของสารฟลาโวนอยด์ซึ่งช่วยให้การต้านอาการอักเสบของผิวเป็นไปด้วยดี อีกทั้งยังกระตุ้นการสังเคราะห์วิตามินเคซึ่งเป็นสารต้านอาการอักเสบเช่นกัน ดังนั้นแทนที่จะบริโภคนมหรือเนยที่มีผลต่ออาการอักเสบ เราจึงควรหันมารับประทานโยเกิร์ตหรือนมเปรี้ยวที่อุดมไปด้วยโปรไบโอติกส์แทน
เครื่องดื่มที่อุดมด้วยสารอาหารนั้นดี
ผิด –โดยปกติผลไม้จะมีโมเลกุลสารต้านอนุมูลอิสระตามธรรมชาติ แต่การนำไปแปรสภาพเป็นน้ำผลไม้ที่อยู่ในบรรจุภัณฑ์หรือขวดทำให้สูญเสียสารต้านอนุมูลอิสระไปบางส่วน ดังนั้นจึงต้องมีการเติมสารต้านอนุมูลอิสระสังเคราะห์เข้าไปเพื่อชดเชยการสูญเสียดังกล่าว ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น สรุปคือเครื่องดื่มพร้อมบริโภคที่ติดฉลาก “เพื่อสุขภาพ” และอัดแน่นไปด้วยวิตามินนั้นไม่สามารถแทนที่สารอาหารตามธรรมชาติได้
น้ำมันกุ้งคริลล์คือโอเมก้า 3 ดาวเด่น
ถูก – กุ้งขนาดเล็กจากมหาสมุทรแอตแลนติกไม่ได้มีปริมาณโอเมก้า 3 สูงสุด แต่มีคุณภาพที่น่าสนใจเป็นยิ่งนัก เพราะน้ำมัน DHA (ซึ่งเป็นโอเมก้า 3 ชนิดหนึ่ง) ของกุ้งชนิดนี้อยู่ในรูปของสารฟอสโฟไลพิดเป็นหลักและร่างกายของเราก็สามารถดูดซึมไปใช้ได้โดยตรงจึงมีประสิทธิภาพมากกว่า ยิ่งไปกว่านั้นน้ำมันชนิดนี้ยังกักเก็บสารต้านอนุมูลอิสระที่ปกป้องโอเมก้าจากการแปรสภาพด้วย แต่เช่นเดียวกับสารอาหารทุกประเภท แนะนำว่าควรสรรหาแหล่งโอเมก้าที่หลากหลายโดยการผสมผสานแหล่งที่มาจากปลาทะเลและผักเพื่อความสมดุลของร่างกาย
ที่มา ELLE Thailand
ภาพจาก www.healthline.com