ฟันขาว ฟันเหลือง สุขภาพฟัน เคล็ดลับ

7 เคล็ดลับ ฟันขาวอย่างเป็นธรรมชาติ | คนที่ ฟันเหลือง ลองอ่าน

Home / สุขภาพทั่วไป / 7 เคล็ดลับ ฟันขาวอย่างเป็นธรรมชาติ | คนที่ ฟันเหลือง ลองอ่าน

ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจทันตกรรมและทันตแพทย์ชั้นนำ ได้เปิดเผยเคล็ดลับการดูแลรักษาฟันขาวแบบธรรมชาติ ที่ช่วยให้ยิ้มได้อย่างสดใส

7 เคล็ดลับ ฟันขาวอย่างเป็นธรรมชาติ

1.น้ำผสมเกลือต้มอุ่น

น้ำเกลือต้มอุ่นไม่แต่เพียงช่วยให้ฟันขาวอย่างเป็นธรรมชาติอย่างเดียว แต่ยังช่วยรักษาเหงือก เนื่องจากมีสารต้านแบคทีเรีย โดยวิธีทำง่ายๆ คือ นำเกลือ 1 ช้อนชา ใส่ลงไปในน้ำอุ่น แล้วใช้ล้างทำความสะอาดปาก

3.ดื่มนม

แคลเซียมในนมช่วยให้สุขภาพส่วนเครือบฟันและโครงสร้างแข็งแรง รวมถึงขากรรไกร โดยผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า นอกจากดื่มนมแล้ว หากอยากมีฟันขาวสว่างสดใสให้ดื่มน้ำมะนาวแทนก็ได้

4.เคี้ยวหมากฝรั่ง

การเคี้ยวหมากฝรั่งชช่วยทำความสะอาดฟัน นอกจากนั้น ยังช่วยเคลือบฟันและทำให้ฟันแข็งแรง โดยผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ผลจะออกมาดีที่สุดเมื่อคุณเลือกหมากฝรั่งปราศจากน้ำตาล

strawberry

5.รับประทานสตรอเบอร์รี่

แม้ว่าสตรอเบอร์รี่จะทำให้เสื้อผ้าของคุณเกิดคราบด่าง แต่น่าแปลกเมื่อผู้เชี่ยวชาญพบว่า มันมีประโยชน์ต่อฟัน โดยผลสตรอเบอร์รี่ ประกอบด้วย กรดมาลิค ที่ช่วยทำให้ฟันของคุณขาวอย่างเป็นธรรมชาติ แต่สิ่งสำคัญคือ เมื่อทานเสร็จอย่าเหลือเศษสตรอเบอร์รี่ติดตามฟัน เพราะมันอาจส่งผลเสียต่อส่วนเคลือบฟันได้

6.ห้ามลืมทำความสะอาดลิ้น

ลิ้นของคุณสัมผัสอาหารมามากมายและมีเศษต่างๆ ติดอยู่ อาทิ ชา กาแฟ และไวน์แดง ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นตัวการทำให้ลิ้นเปลี่ยนสี โดยผลการศึกษาของสถาบันทันตกรรมในอเมริกา ระบุว่า หากว่าคุณไม่ทำความสะอาดลิ้น 1 สัปดาห์ แบคทีเรียจะเพิ่มขึ้นเป็น 10 เท่าเลยทีเดียว และสิ่งนี้จะเป็นตัวทำลายฟันของคุณได้ ดังนั้น ควรแปรงลิ้นเป็นประจำ

7.ใช้วาสลีนทาภายในช่องปาก

คราบมันของวาสลีนช่วยป้องกันไม่ให้ฟันมีคราบจากการดื่มหรือกินอาหารที่มักเกาะติดฟันจนเปลี่ยนสีได้ หากอยากให้ฟันมีสีขาวดั่งไข่มุกก็ไม่ควรลืมทา

8.รับประทานแอปเปิ้ลวันละลูก

แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่มีค่าตอบแทนคุ้มค่ามมาก แถมยังเปรียบดั่งแปรงสีฟันแบบธรรมชาติ ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ดีมากๆ ในการทำความสะอาดฟันก่อนหรือหลังจะรับประทานอาหารกลางวัน หากว่าคุณไม่สะดวกจะพกแปรงสีฟัน นอกจากนั้น อีกตัวเลือกที่ดีก็ได้แก่ แครอท และ ผักคื่นช่าย

อยาก ฟันขาว ต้องลองดูนะคะ

ที่มา DailyMails, ภาพจาก www.makeupwomen.com

บทความแนะนำ