ประจำเดือนเป็นเรื่องใกล้ตัวสาวๆทุกคน แต่ก็ใช่ว่าเราจะรู้เรื่องนี้กันดีนัก พอเกิดอาการผิดแผกแตกต่างจากเดือนก่อนๆ ขึ้นมา สาวๆ ก็ตกใจแทบสิ้นสติ มาเรียนรู้เรื่องประจำเดือนกันเถอะ
ประจำเดือนแบบไหน ที่สาวๆ ควรตกใจ
วิธีสังเกตประจำเดือนผิดปกติแบบง่ายๆ
ขั้นแรกให้ลองเปรียบเทียบกับประจำเดือนปกติ ซึ่งมีลักษณะดังนี้
1. ระยะเวลาเลือดประจำเดือนออกจะอยู่ในราว 4 – 6 วัน หากนานกว่า 7 วันถือว่าผิดปกติแล้ว
2. ปริมาณเลือดประจำเดือนในแต่ละเดือนประมาณ 30 มล.ขึ้นไป แต่ถ้ามากกว่า 80 มล. ถือว่าผิดปกติ
3. ระยะห่างระหว่างประจำเดือนจะมีเวลาประมาณ 24 – 35 วัน
หากมีลักษณะของประจำเดือนผิดไปจากที่กล่าวมา ข้างต้น เช่น มีปริมาณมากกว่าปกติ, รอบของประจำเดือนมีระยะเร็วกว่า 24 วัน หรือช้ากว่า 35 วัน, มีประจำเดือนมากและนาน หรือมีไม่เสมอต้นเสมอปลาย ก็ให้ถือว่าเข้าข่ายประจำเดือนมาไม่ปกติแล้ว
สาเหตุและการรักษา สาเหตุที่ทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติมีอยู่ 2 ประเภทคือ ประเภทแรกเป็นความผิดปกติจากการสร้างฮอร์โมนของรังไข่และเยื่อบุโพรงมดลูก หรือเป็นโรคบางอย่างเกี่ยวกับสมองที่มีหน้าที่ควบคุมการทำงานของรังไข่ ส่วนประเภทที่สองมีสาเหตุมาจากโรคเลือดบางชนิด ที่เมื่อเป็นแล้วจะมีอาการเลือดแข็งตัวช้า หยุดไหลได้ยาก หรือโรคที่เกิดจากการติดเชื้อบางอย่างในโพรงมดลูก ส่วนวิธีรักษานั้นขึ้นอยู่กับสาเหตุของความผิดปกติ หมออาจจะรักษาด้วยยา ฮอร์โมน หรือวิธีอื่นๆ ตามแต่กรณี
ควรตรวจภายในตั้งแต่อายุเท่าไหร่?
จริงๆ แล้วไม่มีกำหนดอายุที่แน่นอน แต่หากแต่งงานมีบุตรแล้วก็ควรตรวจภายในและตรวจคัดกรองปากมดลูกปีละหน ในกรณีที่อายุน้อยกว่า 45 ปี และไม่พบความผิดปกติในครั้งแรก ก็สามารถเว้นช่วงห่างในการตรวจประมาณ 3 – 5 ปีต่อครั้ง
สำหรับสาวๆ ช่างสงสัยว่าเมื่อไรนั้น ก็ให้ดูว่าหากมีอาการผิดปกติ เช่น เลือดออกนอกรอบเดือน มีอาการปวดท้องน้อย หรือคลำพบก้อนเนื้อบริเวณท้องน้อย คุณหมอแนะนำว่าควรพบสูตินารีแพทย์เพื่อทำการตรวจรักษา และข้อสำคัญคือ หากพบอาการผิดปกติอย่าปล่อยทิ้งไว้นาน ยิ่งในปัจจุบันนี้มีสูตินารีแพทย์ที่เป็นหญิงมากขึ้น คุณสามารถเข้ารับการรักษาและรับคำปรึกษาได้อย่างสะดวกและสบายใจ
หลังประจำเดือนหมด 2 – 3 วัน มีเลือดออกกะปริดกะปรอยสีค่อนข้างคล้ำ ถือว่าผิดปกติหรือไม่
ควร ทำความเข้าใจก่อนว่า ปกติทั่วไปประจำเดือนมักมามากในช่วง 1 – 2 วันแรก จากนั้นจะค่อยๆลดลงจนกระทั่งจางหมดไป ในบางรายอาจมีลักษณะกะปริดกะปรอยบ้างซึ่งไม่ถือว่าผิดปกติแต่อย่างใด แต่หากมีเลือดประจำเดือนออกซ้ำหลังประจำเดือนหมดไปนานแล้ว ควรพบแพทย์เพื่อทำการตรวจรักษาทันที
การกินยาคุมกำเนิด เพื่อรักษาสิว หรือเพื่อเลื่อนประจำเดือน มีผลกระทบอย่างไร?
ข้อ นี้คุณหมอบอกว่า ในบางรายจะมีกระทบบ้างแต่ก็ไม่เป็นอันตรายรุนแรง เช่น อาจเกิดอาการแพ้ยาคุมกำเนิด แต่โดยทั่วไปไม่มีผลกระทบหากใช้ยาภายใตคำแนะนำและการควบคุมของแพทย์ ดังนั้นสาวๆก็ไม่ควรไปซื้อยามาใช้เอง ถ้าอยากสวยขอแนะนำว่าไปพึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญดีกว่ากันเยอะ
บทความแนะนำ
- 20 เรื่องที่ผู้หญิงควรรู้ เกี่ยวกับช่องคลอด จุดสงวนที่ควรใส่ใจ
- เราเป็นไบโพลาร์หรือเปล่า ? วิธีรับมือ กับอารมณ์แปรปรวนสุดขั้ว Bipolar Disorder
- รู้ทัน PMS อาการก่อนมีประจำเดือน ของมนุษย์เมนส์ – วิธีป้องกันอาการ PMS
- ไม่ได้ไปเที่ยวเหงาจัง! 6 คำแนะนำ จิตตกช่วงเทศกาล ทำยังไงดี?
- ประโยชน์ดีๆ ของ กีวี (Kiwifruit) ผลไม้สีเขียวเปรี้ยวจี๊ด ไฟเบอร์เยอะมาก