ฝุ่นละออง มลพิษ วิธีแก้ปัญหามลพิษ

ประเทศอื่น ๆ มีวิธีการแก้ปัญหา มลพิษทางอากาศ อย่างไร ?

Home / สุขภาพทั่วไป / ประเทศอื่น ๆ มีวิธีการแก้ปัญหา มลพิษทางอากาศ อย่างไร ?

ไม่ใช่แต่ประเทศไทยเท่านั้นที่มีปัญหาคุณภาพอากาศเลวร้าย ยังมีประเทศอื่น ๆ อีก ที่เกิดปัญหานี้ขึ้น ลองไปดูกันค่ะว่า นอกเหนือจากการประกาศให้ประชาชนใส่หน้ากากอนามัยแบบในประเทศไทย ประเทศอื่น ๆ เขามีวิธีการจัดการกับปัญหาฝุ่นละอองมลพิษนี้อย่างไรบ้าง?

วิธีการแก้ปัญหา มลพิษทางอากาศ ประเทศอื่น ๆ

วิธีการแก้ปัญหา คุณภาพอากาศเลวร้าย ของประเทศอื่น ๆ

1. ประเทศเกาหลีใต้

  • เพื่อลดมลพิษทางอากาศ รัฐบาลสั่งปิดโรงไฟฟ้าถ่านหินในเกาหลีใต้ 8 แห่งชั่วคราว
  • ก่อนหน้านี้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ก็เคยสั่งปิดโรงไฟฟ้าถ่านหินชั่วคราวเป็นเวลา 4 เดือน
  • มีแผนการจะปิดโรงไฟฟ้าถ่านหินโรงเก่าถาวรภายในเดือนพฤษภาคมปี พ.ศ.2563 ถึงแม้ว่าโรงไฟฟ้าถ่านหินนี้ผลิตไฟฟ้าให้กับประเทศถึงร้อยละ 40

2. กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย

  • เกิดแฮชแท็ก #smong เรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหามลพิษทางอากาศอย่างจริงจัง
  • รัฐบาลอินเดียจึง “ห้ามรถยนต์” ที่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่, รถ SUV ที่มีเครื่องยนต์แรงม้ามากกว่า 2000 ซีซี และเครื่องยนต์ดีเซลหลายพันคันหยุดวิ่ง โดยไปกระตุ้นการใช้รถสาธารณะ รถตู้อูเบอร์ให้มากขึ้น
  • มีการทดลองการให้รถยนต์หยุดวิ่งวันคี่ หรือวันคู่

3. เมืองไฟรบวร์ค ประเทศ เยอรมนี

  • มีทางปั่นจักรยาน รวมระยะทางกว่า 500 กิโลเมตร (สนับสนุนให้คนใช้จักรยานสามรถช่วยลดมลพิษจากควันรถได้)
  • มีรถราง และมีระบบขนส่งสาธารณะที่มีประสิทธิภาพและราคาถูก (ทำให้ประชาชนสะดวกสบายไม่จำเป็นที่ต้องออกรถเอง)
  • ในย่านชานเมืองบางแห่งห้ามประชาชนจอดรถยนต์ใกล้ ๆ บ้าน ทำให้คนที่จะจอดต้องเสียเงินเช่าพื้นที่จอดรถกว่า 18,000 ยูโร หรือ ประมาณ 660,162 บาท (เมื่อเสียเงินแพงก็อาจจะทำให้ประชาชนมีรถยนต์ในปริมาณที่ไม่ฟุ่มเฟือยจนเกินไป)

4. กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

  • ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง สนับสนุนให้ประชาชนใช้ระบบขนส่งสาธารณะให้มากขึ้น ด้วยวิธีการต่อไปนี้
  • ไม่อนุญาตให้รถยนต์ส่วนตัว วิ่งในย่านศูนย์กลางเมืองในช่วงสุดสัปดาห์
  • ห้ามใช้รถยนต์ในย่านฌ็องเซลิเซ่ 1 ครั้งต่อเดือน
  • สนับสนุนการใช้จักรยาน จัดทำโครงการยืมจักรยาน หรือเรียกกันว่า ธนาคารจักรยาน
  • มีแนวคิดจะเก็บภาษีน้ำมันในอัตราสูง แต่แนวคิดนี้ทำให้เกิดการประท้วงอย่างรุนแรง

5. เมืองโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก

  • มีแนวคิดการใช้ “จักรยาน” เทียบกับรถยนต์ โดยการขี่จักรยาน 1 ไมล์ ให้มูลค่ากับชุมชนประมาณ 0.42 ดอลล่าสหรัฐ
  • ในขณะที่การขับรถยนต์ส่วนตัวเป็นระยะทาง 1 ไมล์ให้มูลค่ากับชุมชนประมาณ 0.20 ดอลล่าสหรัฐ
  • เมืองส่วนใหญ่ในเดนมาร์ก ทยอยหยุดใช้รถยนต์ มาเป็นเวลากว่า 10 ปี เพื่อทำตามนโยบายมุ่งจะเป็นเมือง Carbon Neutral หรือเมืองที่มีกิจกรรมการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเท่ากับศูนย์ภายในปี พ.ศ.2568 หรืออีก 6 ปีข้างหน้า

6. ออสโล ประเทศนอร์เวย์

  • มีแผนที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงครึ่งหนึ่งภายในปี พ.ศ.2563
  • โดยวางโซน “ปลอดรถคันใหญ่” และเริ่มทำทางจักรยานใหม่ที่มีระยะทางรวมกว่า 40 ไมล์
  • นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มค่าธรรมเนียมรถติดกับผู้ใช้รถยนต์ในชั่วโมงเร่งด่วน และลดพื้นที่ลานจอดรถหลายแห่ง

7. ประเทศ เนเธอร์แลนด์

  • รัฐบาลเสนอนโยบายห้ามการขายรถยนต์ดีเซล และหากร่างนโยบายนี้ผ่านการอนุมัติก็จะมีผลบังคับใช้ภายในปีพ.ศ. 2568 โดยการขายรถยนต์ที่ใช้น้ำมันถูกแทนที่ด้วยรถยนต์ไฟฟ้า หากนโยบายผ่านการอนุมัติและมีผลบังคับใช้ก็จะอนุโลมให้ประชาชนที่มีรถยนต์ดีเซลอยู่ก่อนสามารถใช้รถต่อไปได้

จะเห็นได้ว่าหลาย ๆ ประเทศ มีการจัดการปัญหาที่ต้นเหตุเพื่อลดมลพิษทางอากาศ เช่น การลดใช้รถยนต์ สนับสนุนการใช้จักรยานและก็ทำให้การใช้จักรยานนั้นน่าใช้ด้วยการทำเส้นทางเฉพาะ การทำธนาคารจักรยาน มีการจัดระบบขนส่งที่ดีและมีประสิทธิภาพ เป็นต้น

ที่มา: greenpeace, ภาพจาก: www.flaticon.com

บทความแนะนำ