4 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับวิตามิน D วิตามินจากแสงแดด คนไทยจำนวนมากขาดวิตามินดี

“เมืองไทยเราแดดแรงขนาดนี้คนไทยคงไม่ขาดวิตามิน D กันหรอก!” เชื่อว่าหลายคนในที่นี้ก็คิดแบบนี้เหมือนกัน พูดถึงวิตามิน D เกือบทุกคนคงจะรู้กันว่าสิ่งที่จะทำให้ร่างกายของเราได้รับวิตามิน D ก็คือ แสงแดด แต่เราเชื่อว่ายังมีบางเรื่องเกี่ยวกับเจ้าวิตามินแสงแดดที่หลายคนยังเข้าใจผิดกันอยู่ วันนี้เราจะมาแถลงให้ทุกคนได้ฟังกันค่ะ

ก่อนอื่นต้องขอบอกให้ทุกคนรับรู้โดยทั่วกันก่อนว่า มีคนไทยจำนวนมากที่ร่างกายขาดวิตามิน D! โดยมีสาเหตุมาจาก

– กลัวแดด หลบแดด ออกแดดก็ต้องกางร่ม ต้องทาครีมกันแดด
– อยู่แต่ในออฟฟิศ ในห้องกระจก หรือรถที่ติดฟิล์ม ไม่ค่อยมีกิจกรรมกลางแจ้ง
– อายุที่เพิ่มมากขึ้น
– คนไทยส่วนใหญ่มีสีผิวเข้ม

4 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับวิตามิน D

ไม่อยากโดนแดด กินวิตามิน D เสริมเอาก็ได้?

กินได้ค่ะ แต่ต้องกินให้ถูกประเภท ถ้าอยากให้ร่างกายได้รับวิตามิน D ได้อย่างเต็มที่แต่ไม่อยากออกไปเผชิญกับแสงแดด สิ่งที่เราทำได้ก็คือ การกินวิตามินเสริม แต่ที่สำคัญต้องเป็นวิตามิน D3 (ได้มาจากสัตว์ และจากการสังเคราะห์ที่ผิวหนังของคนเรา) ไม่ใช่ วิตามิน D2 (ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์เองได้) เพื่อให้ได้ผลดีที่สุด และที่สำคัญอย่าลืมปรึกษาหมอก่อนด้วยนะ

อยู่แต่ในที่ที่ไม่มีแดดทำให้ร่างกายขาดแคลนวิตามินD?

ไม่จำเป็นเสมอไป จากการศึกษาพบว่าชาวเอสกิโมก็สามารถมีวิตามิน D ในร่างกายสูงได้ ในขณะที่นักเล่นเซิร์ฟบางคนที่อยู่กลางแดดตลอดเวลากลับมีวิตามิน D ในร่างกายไม่เพียงพอ แล้วเหตุผลอะไรที่จะทำให้ร่างกายของเราขาดแคลนวิตามิน D ล่ะ? การตั้งครรภ์ โรคไต อายุที่เพิ่มมากขึ้น ความอ้วน การขาดสารอาหาร สิ่งเหล่านี้ก็มีส่วนทำให้ร่างกายขาดแคลนวิตามิน D

นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า เกือบครึ่งของประชากรบนโลกไม่ได้รับวิตามิน D อย่างเพียงพอ แต่ทั้งนี้เป็นเพราะการขาดแคลนอาหาร และกิจกรรมกลางแจ้งที่น้อยลงในประเทศที่กำลังพัฒนา รวมถึงประเทศไทยด้วยนะจ๊ะ

ร่างกายคุณจะได้รับวิตามิน D อย่างเพียงพอ แค่ออกไปนั่งตากแดดเพียงไม่กี่นาที?

“เนี่ย เมื่อเช้าเดินตากแดดจากบ้านไปป้ายรถเมล์ 5 นาที ร่างกายก็ได้รับวิตามิน D แล้ว” ใจเย็นก่อนนะเธอ เพราะการที่ร่างกายจะได้รับวิตามิน D นั้น ไม่ใช่ว่า ผิวหนังโดนแดดปุ๊บ วิามิน D ซึมเข้าผิวปั๊บ แต่การที่ร่างกายของเราจะได้รับวิตามิน D นั้น ร่างกายของเราจะสร้างขึ้นมาเอง แต่ต้องได้รับการกระตุ้นจากรังสียูวีบีที่มากระทบกับผิวของเรานั่นเอง นั่นหมายความว่า ร่างกายของเราต้องได้รับแสงแดดอย่างเพียงพอเพื่อที่จะสร้างวิตามิน D ขึ้นมานั่นเอง

การที่เราจะได้รับวิตามิน D อย่างเพียงพอ (600 IU สำหรับผู้หญิงที่อายุไม่ถึง 70 และ 800 IU สำหรับคุณย่าคุณยายที่อายุเกิน 70 ปีขึ้นไป) แพทย์ผิวหนังแนะนำว่า สาว ๆ ควรจะปล่อยให้ร่างกายได้รับแสงแดด โดยที่ไม่ต้องทาครีมกันแดด อย่างน้อยครั้งละ 1 ชั่วโมงทุก ๆ สัปดาห์

เราไม่สามารถได้รับวิตามิน D จากอาหารที่เรากิน?

จะว่าไปก็ถูกนะคะ เพราะในอาหารที่เรากินกันอยุ่ทุกวัน กินอยู่บ่อย ๆ ก็ไม่มีวิตามิน D นะคะ หรืออาจจะมีแต่ในปริมาณที่น้อยมาก ใครแอบหวังว่าจะมีเบอคอน ริบอายอยู่ในลิสต์ก็เสียใจด้วยนะ วิตามิน D จะมีมากในเนื้อปลาบางชนิด และที่ชัด ๆ ก็คือ นม นักโภชนาการแนะนำว่าเราควรจะดื่มนมวันละ 3 ครั้ง และถ้าจะให้ดีควรเลือกนมที่มีส่วนผสมของเวย์โปรตีน (Whey Protein) ด้วยยิ่งดี เพราะนอกจากเวย์โปรตีนจะเป็นแหล่งของแคลเซียมชั้นดีที่ช่วยบำรุงกระดูก (เวย์โปรตีน100 กรัมมีปริมาณแคลเซียมถึง 800 มิลลิกรัม) แล้วยังมีโพรไบโอติคส์ที่จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ดีอีกด้วย

รู้แบบนี้แล้วก็อย่าลืมหาเวลาให้ร่างกายได้ออกไปเจอแดดบ้างนะ ส่วนช่วงเวลาที่ดีที่สุดก็คือ 9 โมงเช้า สัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละประมาณ 20 นาทีกำลังดีเลยล่ะ